• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562

    25 พฤศจิกายน 2562 | Economic News



· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นในขณะที่หุ้นทั่วโลกก็ปรับตัวสูงขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง ขณะที่ส่งสัญญาณฉันท์มิตรกันระหว่างนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ดูจะพยายามลดความตึงเครียดของ Trade War ที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐฯและจีน

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลก็ปรับตัวสูงขึ้นตามข้อมูลภาคการผลิตที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวได้เร็วที่สุดในรอบ 7 เดือน ควบคู่กับภาคบริการที่ขยายตัวได้เกินคาดเช่นกัน

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.27% ที่ระดับ 98.256 จุด ขณะที่ยูโรร่วงลง 0.32% หลัง IHS Markit’s เผยผลสำรวจการเติบโตภาคธุรกิจยูโรโซนออกมาชะลอตัวลงในเดือนนี้ โดยร่วงลงมาเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 50 จุด ซึ่งหากหลุดลงมาจะเข้าสู่สัญญาณหดตัว

อย่างไรก็ดี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงมีการแกว่งตัวผสมผสานกันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง และการที่สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่อาจเพิ่มความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ทรงตัวที่ 1.772% ขณะที่ผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 2 ปี ปรับขึ้นมาที่ 1.627% จาก 1.605%

ข้อมูลที่ผสมผสานกันของสัญญาณ Trade War สหรัฐฯและจีน ดูจะทำให้นักลงทุนมีการเทขายสถานะก่อนเข้าสู่วันหยุดเทศกาล Thanksgiving โดยล่าสุดในวันศุกร์ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แสดงความต้องการที่จะทำข้อตกลงกับทางสหรัฐฯ และพยายามที่จะหลีกเลี่ยงสงครามการค้า แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวหากจะต้องทำการตอบโต้หากจำเป็น

· รายงานจาก Reuters เผยความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยระบุถึงความยากลำบากในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเฟสแรกที่ดูจะมีน้อยลง ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายในช่วงเดือนต.ค. เคยวางแผนถึงเฟสที่ 2 จะมุ่งไปยังประเด็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่บังคับให้บริษัทสหรัฐฯมีการถ่ายโอนเทคโนโลยีไปยังจีน

แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในช่วง พ.ย. ปี 2020 ดูจะเป็นการยากลำบากที่จะทำให้ข้อตกลงเฟสถัดมาบรรลุผล ขณะที่ทำเนียบขาวอาจจะต้องร่วมมือกับประเทศอื่นๆในการผลักดันจีนให้เกิดการบรรลุข้อตกลงในอนาคตอันใกล้ ท่ามกลางจีนที่ดูเหมือนจะพยายามทำข้อตกลงการค้าเสรีกับหลายๆประเทศจากความไม่ยุติธรรมทางการค้าที่มีอยู่

นอกจากนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่จีนหลายรายยังแสดงท่าทีที่จะไม่ร่วมหารือข้อตกลงเฟสที่ 2 ก่อนการเลือกตั้ง เนื่องจากเขาต้องการรอดูผลลัพธ์ในกรณีที่นายทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งสมัย 2

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวตำหนิสหรัฐฯในการประชุม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯเป็นต้นเหตุแห่งความไม่มีเสถียรภาพรวมทั้งปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วโลก และกล่าวร้ายจีนอย่างไร้เหตุผล

ทั้งนี้ สัญญาณดังกล่าวดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะไม่ค่อยสู้ดีนัก ท่ามกลางปัญหาข้อพิพาททางการค้าที่กำลังพยามแก้ไขร่วมกัน ในขณะที่จีนดูจะไม่เห็นด้วยกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนสำหรับฮ่องกง รวมทั้งการที่สหรัฐฯดูจะให้การสนับสนุนความเป็นเอกราชของไต้หวัน

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวประณามการไต่สวนที่ถูกผลักดันโดยพรรคเดโมแครต ว่าเต็มไปด้วยการโกหก พร้อมให้คำอธิบายถึงการใช้นายรูดี้ กิวลิอานิ ทนายประจำตัวของเขา ในการรับมือกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับยูเครน โดยระบุว่าความสามารถในการต่อสู้กับอาชญากรรมของนายรูดี้ จำเป็นในการรับมือกับประเทศที่เต็มไปด้วยการคอรัปชั่น

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า ทีมบริหารของเขาจะพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนต่อฮ่องกงที่ผ่านการลงมติด้วยคะแนนเสียงอย่างล้มหลานทั้งในสภาล่างและสภาสูงเมื่อสัปดาห์ก่อนอย่างถี่ถ้วน แต่ยังไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าจะลงนามอนุมัติในร่างกฏหมาย หรือจะใช้อำนาจสั่งยับยั้ง (Veto)

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า ชาวฮ่องกงพากันออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งสภาท้องถิ่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงมากถึง 7.4 ล้านคน เกินกว่าครึ่งของ 452 เขตเลือกตั้ง ซึ่ง หากฝ่ายค้านได้รับเสียงสนับสนุนมากจะเป็นตัวสะท้อนว่าประชาชนสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยซึ่งระยะหลังมีแต่ความรุนแรง ขณะที่ฝ่ายบริหารฮ่องกงและรัฐบาลแผ่นดินใหญ่เชื่อว่าความรุนแรงในการประท้วงจะทำให้ชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนฝ่ายค้านและการประท้วง

เช่นเดียวกับบรรดาสื่อกระบอกเสียงของจีนที่ประโคมข่าวเรียกร้องให้ชาวฮ่องกงลงคะแนนเสียงเพื่อยุติความรุนแรงที่สั่นคลอนเกาะฮ่องกงมานานหลายเดือน

· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ให้สัญญาว่าพรรค Conservative จะร่วมมือกันผลักดันให้ข้อตกลง Brexit เข้าสู่กระบวนการของรัฐสภาก่อนถึงเทศกาลคริสต์มาส

ขณะที่อังกฤษจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ภายในวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งโพลสำรวจล่าสุดยังบ่งชี้ว่า นายจอห์นสันมีแนวโน้มจะได้รับเสียงสนับสนุนมากที่สุดและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ท่ามกลางคำสัญญาในการหาเสียงที่ระบุว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านสาธารณะและยืนยันว่าจะไม่มีการขยายระยะเวลาของ Brexit อีกต่อไป

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงในคืนวันศุกร์ โดยอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีนที่ดูจะบดบังกระแสคาดการณ์ที่กลุ่มโอเปกจะขยายเวลาข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 40 เซนต์ ที่ระดับ 63.57 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ WTI ปิดปรับลง 81 เซนต์ หรือ -1.4% ที่ 57.77 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีนว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงบางส่วนกันได้หรือไม่นั้น เป็นเหตุผลที่สร้างแรงกดดันเพิ่มขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งจำกัดการปรับขึ้นของราคาน้ำมันด้วย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com