· นายเบรนท์ คริสเทนเซน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำไต้หวัน โดยเปิดเผยว่า สหรัฐฯมีความกังวลเกี่ยวกับการที่จีนพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน การแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ไต้หวันได้ประณามการที่จีนพยายามแทรกแซงกระบวนการทางประชาธิปไตยของไต้หวันก่อนถึงการเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค. ทั้งการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดให้บินใกล้เกาะไต้หวัน หรือส่งเรือบรรทุกเครื่องบินแล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน รวมถึงพยายามใช้มาตรการโดดเดี่ยวทางการทูตกับไต้หวัน
· รายงานจาก CNBC ระบุว่า ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนและนักเทคโนโลยีที่มีความกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯอาจต้องเผชิญการแข่งขันสูงมากขึ้นในด้านเทคโนโลยี Blockchain ที่จีนกำลังพยายามที่จะเดินหน้าปล่อย Crypto ในเร็วๆนี้
โดยหลายๆฝ่ายกำลังจับตาไปยังการเปลี่ยนผ่านของค่าเงินดิจิตอล และสัญญาณด้านนโยบายที่อาจจะมีมากขึ้นเพื่อเข้ามาควบคุมเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ตลาด
· เจ้าหน้าที่บริหารระดับอาวุโสของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯและจีนอาจไม่สามารถตกลงข้อตกลงเฟสแรกกันได้ก่อนกำหนดเส้นตายการขึ้นภาษีรอบใหม่ของสหรัฐฯในข่วงกลางเดือนธ.ค.ได้ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นก้าวแรกในการคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองชาติ หลังจากที่ตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค. ที่ นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีนเชิญสหรัฐฯ ยกเลิกการเยือนสหรัฐฯตามคำเชื้อเชิญเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี นายไมรอน บิลเลียน รองประธานบริหารและหัวหน้ากองกิจการต่างประเทศประจำกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยว่า ในจำนวน 6 ครั้ง ที่เขาได้ร่วมประชุมข้างนายหลิว เฮ่อ ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็ดูจะเห็นว่าเจีนไม่ได้ต้องการจะดำเนินการที่เร่งรัดเกินไป ซึ่งจีนต้องการเป็นอย่างมากที่จะเห็นสหรัฐฯทำการยกเลิกภาษีสินค้าจีน อนึ่ง คือในเรื่องการทำธุรกิจกับบริษัทสหรัฐฯนั่นเอง เพราะภาษีที่เกิดขึ้นเป็นการส่งผลกระทบกับกลุ่มผู้บริโภค, กลุ่มผู้ค้าปลีก, กลุ่มผู้ผลิต รวมทั้งเกษตรกรอีกด้วย
· การประชุมรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของกลุ่มประเทศ G-20 จะจัดขึ้นที่เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่นในวันนี้ โดยการประชุมครั้งนี้ จะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน
ขณะที่การเข้าร่วมการประชุมของผู้แทนจากเกาหลีใต้ยังไม่มีความชัดเจน ก่อนหน้าที่ข้อตกลงการแบ่งปันข่าวกรองทางทหารกับญี่ปุ่นจะสิ้นสุดลงในวันนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดตั้งแต่ประวัติศาสตร์สมัยสงคราม
· รายงานจาก CNBC เผยว่า แทบจะไม่มีใครคาดคิดว่า "เวียดนาม" จะเป็นประเทศที่มาแทนที่ "จีน" ซึ่งเป็นผู้ส่งออกหลักรายใหญ่ได้ แต่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าได้มีการย้ายฐานจากธรุกิจจีนกับสหรัฐฯมายังเวียดนาม
โดยรายงานจากสถาบัน IHS Markit เผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สหรัฐฯมีการนำเข้าสินค้าจากเวียดนามเพิ่มขึ้น 34.8% โดยมีอัตราการเติมโตเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับภาพรวมตลอดทั้งปี 2018 ขณะที่สหรัฐฯมียอดนำเข้ากับทางจีนลดลง 13.4% เมื่อเทียบรายปีในช่วง 9 เดือนเท่ากัน
ขณะที่ผู้อำนวยการจาก IHS Markit's เผยว่า เหตุผลที่สหรัฐฯลดนำเข้าสินค้าจากจีน มาเป็นการนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม เนื่องจากเวียดนามมีการเติบโตที่รวดเร็วสำหรับการส่งออกสินค้านหมวดคอมพิวเตอร์, อุปกรณ์โทรศัพท์ และสินค้าเครื่องจักรอื่นๆ
· นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จีนต้องการทำข้อตกลงเฟสแรกกับทางสหรัฐฯ เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงสงครามการค้า แต่จีนเองก็ไม่มีความเกรงกลัวที่จะใช้วิธีการต่อการตอบโต้หากจำเป็น
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวเตือนว่า ความยืดเยื้อของสงครามการค้าดูจะยิ่งสร้างความเสี่ยงให้แก่เศรษฐกิจโลกที่เป็นอุปสรรคของภาวะห่วงโซ่อุปทาน ที่กระทบกับภาคการลงทุน และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ
· นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า ทิศทางการฟื้นตัวระยะยาวของเศรษฐกิจจีนไม่ได้เปลี่ยนแปลง และเศรษฐกิจจีนยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมาก
สำนักข่าว Xinhua ยังเผยว่า ในการประชุมร่วมกับ นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการ IMF คนใหม่นั้น ประธานาธิบดีจีนดูจะยังมีความเชื่อมั่นอย่างมากต่อความก้าวหน้าของเศรษฐกิจจีน
· เจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเคลื่อนย้ายออกจากมหาวิทยาลัย และยังไม่มีกำหนดเส้นตายว่าจะดำเนินการจัดการกับพวกเขาอีกครั้งเมื่อใด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงความคาดหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาหได้โดยสันติโดยไม่ได้มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจากปรับตัวสูงขึ้นไปใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ท่ามกลาง
ข้อสงที่ว่าสัยว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าบางส่วนที่จะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกหรือไม่
โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 0.53% ที่ระดับ 63.63 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.53% เช่นเดียวกัน ที่ระดับ 63.63 เหรียญ/บาร์เรล