· ค่าเงินดออลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นตอบรับข่าวข้อตกลงการค้าเฟสแรกของสหรัฐฯและจีนที่อาจไม่สามารถตกลงกันได้ภายในปีนี้ จึงยิ่งเพิ่มความกังวลว่าอาจเห็นสหรัฐฯเดินหน้าขึ้นภาษีจีนต่อ และช่วยหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ระดับ 97.949 จุด หลังช่วงต้นตลาดไปทำ High ที่ 98.038 จุด
ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นดูจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนดอลลาร์อีกครั้งจากกลุ่มนักลงทุนที่มองว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังดูดีกว่าประเทศอื่นๆในสภาวะ Trade War เช่นนี้
· รายงานจากประชุมเดือน ต.ค. ที่เปิดเผยในคืนที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าบรรดาสมาชิกเฟดยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จึงตัดสินใจชะลอการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันว่า เฟดไม่เร่งรีบที่จะกลับมาพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ รายงานบ่งชี้ว่าเฟดมีเครื่องมือสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพียบพร้อมในกรณีที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่เฟดจะไม่เร่งรีบออกนโยบายดังกล่าวออกมา แม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะพยายามกดดันให้เฟดดำเนินการเช่นนั้นก็ตาม
นักวิเคราะห์จากสถาบัน BlackRock มีมุมมองว่า หลังจากเฟดได้ปรับลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งและตัดสินใจชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด บ่งชี้ว่าวัฎจักรการแก้ไขอัตราดอกเบี้ยระยะกลางได้จบสิ้นลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลใหม่ๆที่ตลาดได้รับจากรายงานการประชุมเฟดเมื่อคืน มีค่อนข้างจำกัด
· สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯมีมติผ่านร่างนโยบายว่าด้วยเรื่องของการปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวฮ่องกง ด้วยคะแนนเสียง 417 ต่อ 1 เสียง พร้อมกันนี้ ยังมีมติผ่านร่างนโยบายที่จะจำกัดการส่งออกอาวุธบางประเภทไปยังหน่วยงานตำรวจของฮ่องกง
ร่างนโยบายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยหยุดการประท้วงที่เกิดขึ้นในฮ่องกงและยืดเยื้อมานานหลายเดือน ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อลงนามเป็นลำดับต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่านายทรัมป์จะทำการลงนามในร่างนโยบายดังกล่าวเมื่อไหร่ แต่เนื่องจากนายทรัมป์กำลังพยายามผลักดันให้เกิดข้อตกลงการค้าร่วมกับจีน การตัดสินใจลงนามในร่างนโยบายดังกล่าวอาจทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งกับสภาคองเกรสได้ โดยเฉพาะหลังจากรายงานที่ระบุว่า ข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจไม่สามารถเกิดขึ้นภายในปีนี้
· รายงานจาก Reuters อ้างอิงคำพูดของเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวและผู้เชี่ยวชาญด้านการค้า ระบุว่า ข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ ท่ามกลางการเจรจาที่ยังคงไร้ความชัดเจน โดยจีนยังคงพยายามเรียกร้องให้สหรัฐฯยกเลิกภาษีมากขึ้น ขณะที่สหรัฐฯเองก็ขยายขอบเขตข้อเรียกร้องของพวกเขา
ด้านรายงานจากรัฐบาลจีนยังระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะร่วมกันลงนามในข้อตกลงภายในช่วงต้นเดือน ธ.ค.
อีกวันหนึ่งที่น่าจับตาคือวันที่ 15 ธ.ค. ที่การขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็นมูลค่า 1.56 แสนล้านเหรียญของสหรัฐฯจะมีผลบังคับใช้
· บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ยังมีโอกาสที่สหรัฐฯและจีนจะสามารถร่วมกันลงนามในข้อตกลงเฟสแรกภายในปีนี้ได้ แม้จะมีรายงานว่าข้อตกลงอาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นภายในปีนี้ก็ตาม
นักวิเคราะห์จาก Fundstrat มองโอกาสไม่ถึง 50% ที่ข้อตกลงการค้าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ได้ และการขึ้นภาษีในวันที่ 15 ธ.ค. จะถูกยกเลิกไปก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายร่วมลงนามในข้อตกลง หรือใกล้บรรลุข้อตกลงเท่านั้น
แต่โอกาสของการเกิดข้อตกลงถือว่ามีความผันผวนอย่างมากในทุกๆวัน โดยฉพาะหลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯมีมติผ่านร่างนโยบายว่าด้วยเรื่องของการปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวฮ่องกงที่อาจสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลจีน ขณะที่ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับร่างนโยบายดังกล่วา
นอกจากนี้ แม้ตลาดบางส่วนจะมีความกังวลว่าประเด็นการไต่สวนนายทรัมป์อาจเป็นปัจจัยที่กดดันการดำเนินงานร่วมกับจีน แต่นักวิเคราะห์ได้ระบุว่า การไต่สวนยังไม่ส่งผลกระทบอะไรกับตลาดมากนัก โดยปัจจัยที่หลายๆฝ่ายกำลังกังวลกัน ดูจะเป็นประเด็นการชุมนุมในฮ่องกงที่อาจขยายความรุนแรงจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมได้มากกว่า
· ราคาน้ำมันปรับขึ้นกว่า 2% หลังรายงานปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าที่คาด และจากรายงานของรัสเซียที่ยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือกับกลุ่มโอเปกเพื่อรักาษสมดุลของตลาดน้ำมันต่อไป
ทั้งนี้ ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิด +2.5% ที่ระดับ 62.40 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิด +3.4% ที่ระดับ 57.11 เหรียญ/บาร์เรล