• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562

    20 พฤศจิกายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปรับขึ้นมากเท่าไรนัก เนื่องจากยังคงปราศจากความชัดเจนในเรื่องการเจรจาการค้าที่เป็นประเด็นของกลุ่มนักลงทุนที่ยังเฝ้าระวังกันอยู่ ขณะที่คืนนี้จะมีการเปิดเผยรายงานประชุมเฟดเดือนต.ค. ในช่วงเวลาประมาณตี 2 (ตามเวลาไทย)

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะม่ีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้นระหว่างสองประเทศ และดูจะกลับมามีท่าทีตึงเครียดกันอีกครั้งจากปัญหาในฮ่องกง หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯอนุมัติร่างกฎหมายว่าด้วยประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของฮ่องกงที่ดูเหมือนจะได้รับการประณามจากจี

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ 0.6818 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ระดับ 0.6419 ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 ัปดาห์

ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาทรงตัวที่ 1.1074 ดอลลาร์/ยูโร ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาทรงตัวที่ 97.889 จุด

ด้านค่าเงินเยนแข็งค่าลงแตะ 108.37 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว ก่อนจะทรงตัวที่ 108.47 เยน/ดอลลาร์

· ความหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้าดูจะถูกบั่นทอนลงไป โดยรายงานจาก Blomberg เผยว่า ทางสหรัฐฯอาจตัดสินใจพิจารณาในเรื่องการถอนภาษีจากจีนบางส่วน แต่ก็มีสัญญาณเตือนจากประธานธาธิบดีสหรัฐฯที่กล่าวว่า จะเดินหน้าขึ้นภาษีหากไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้ ในขณะที่จีนอาจมีการตอบโต้กลับต่อกรณ๊การที่วุฒิสภาสหรัฐฯอนุมัติรา่งกฎหมายฮ่องกงที่ดูจะเป็นการแทรกแซงการเมืองภายในประเทศ

อย่างไรก็ดี กฎหมายดังกล่าวยังไม่ได้ผ่านการเห็นชอบจากทางรัฐสภาฯ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลให้สหรัฐฯต้องมีการทบทวนการใช้สิทธิพิเศษต่อเศรษฐกิจและสัมปทานทางการค้ากับฮ่องกง รวมทั้งการห้ามส่งออกอาวุธควบคุมฝูงชนให้ตำรวจฮ่องกง

ขณะที่ทางรัฐบาลจีนได้กล่าวประณามการผ่านร่างนโยบายดังกล่าว พร้อมเตือนถึง “ผลกระทบที่เลวร้าย” หากร่างนโยบายยังคงอยู่ต่อไป ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Gain Capital มีมุมมองว่า ตลาดเริ่มที่จะเฉยๆกับข่าวเช่นนี้แล้ว หลังจากที่เผชิญกับความไม่แน่นอนของสงครามการค้ามาถึง 18 เดือน

· ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี และ 5 ปีตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินการของภาครัฐเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า

ด้านค่าเงินหยวนอ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 7.0337 หยวน/ดอลลาร์

· ด้านค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.1% แถว 1.2909 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยอ่อนค่าต่อจากเมื่อคืน ภายหลังการโต้วาทีระหว่างนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ละนายเจเรมี โคบลิน หัวหน้าฝ่ายค้าน ที่จบลงแบบครึ่งๆกลางๆ

· ตลาดจะจับตาการรายงานการประชุมเฟดเดือน ต.ค. ที่จะเปิดเผยในคืนนี้เป็นหลัก เพื่อหาแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในช่วงเดือนถัดไปจนถึงปีหน้า

· นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley มีมุมมองว่า ความพยายามเข็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจภายในประเทศของธนาคารกลางต่างๆ จะไร้ค่า หรือมีผลกระทบที่เบาบาง หากสหรัฐฯ-จีนไม่สามารถลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกันได้

ทั้งนี้ เนื่องจากนโยบายการเงินจะช่วยสนับสนุนได้แค่เรื่องของสภาพการเงินในตลาดเท่านั้น ขณะที่ผลกระทบจากการเจรจาการค้าจะส่งผลกระทบไปยังเรื่องของความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจอีกด้วย ดังนั้น หากการเจรจาประสบความล้มเหลว บรรดาผู้ประกอบการรายใหญ่อาจหลีกเลี่ยงการลงทุนในโครงการใหญ่ๆ ท่ามกลางความไม่เชื่อมั่นต่อสภาวะของเศรษฐกิจ

· นาย Victor Gao อดีตล่ามประจำตัวผู้นำจีนคนก่อน มีความเห็นว่า สหรัฐฯและจีนกำลังต่อสู้ในสงครามที่ไม่มีฝ่ายใดสามารถเป็นผู้ชนะได้

ขณะที่กระแสคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องทั้งหมดของสหรัฐฯ แลกกับการยกเลิกภาษี ดูจะเป็นเรื่อง “จินตนาการเกินจริง” เนื่องจากจีนจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับสหรัฐฯ และในความเป็นจริง ชาวอเมริกันกลับเป็นผู้ที่ต้องจ่ายค่าเสียหายของการขึ้นภาษีเสียเอง ดังนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการขึ้นภาษี จะเกิดขึ้นกับภาคการผลิตของสหรัฐฯเท่านั้น

· กระทรวงการต่างประเทศของจีนประณามสหรัฐฯว่า “พยายามแทรกแซงการเมืองภายในประเทศ” หลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯมีมติสนับสนุนร่างนโยบายว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง พร้อมประกาศว่าจีนจะต่อต้านความพยายามเข้ามาแทรกแซงอย่างถึงที่สุด

ทั้งนี้ ร่างนโยบายดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ซึ่งเคยมีการลงมติผ่านร่างนโยบายที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันไปแล้วเมื่อเดือน ต.ค. โดยทั้ง 2 สภาจะมีการแก้ไขร่างนโยบายตรงจุดที่มีความแตกต่างกัน ก่อนที่จะส่งต่อไปให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนาม

· นายฟิลลิป เลน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ประจำอีซีบี กล่าวว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะไม่ก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้จะเติบโตได้ต่ำกว่าที่คาดก็ตาม ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมา แม้จะน่าผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในแดนติดลบ ดังนั้นจึงคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเกิดขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้า

สำหรับอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนที่อยู่ที่ระดับ 1% นายเลนมองว่า “ยังเป็นที่ไม่น่าพึงพอใจ”

นอกจากนี้ ยังมองว่าเศรษฐกิจยูโรโซนควรฉวยโอกาสจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับติดลบ ณ ปัจจุบัน เพื่อลดระดับหนี้สินลง มากกว่าที่จะนำทรัพยากรไปลงในเรื่องของการเพิ่มยอดใช้จ่ายหรือการปรับลดดอกเบี้ยภาษี

· ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี (LPR) ลง 0.05% สู่ระดับ 4.15% จากเดิม 4.20% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 5 ปี ลง 0.05% สู่ระดับ 4.80% จากเดิม 4.85%

การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นหนึ่งในการดำเนินการของภาครัฐเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า

· รัฐบาลจีนประกาศจะแก้ไขอัตราการเติบโตของ GDP ปี 2018 ใหม่ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยตัวเลขที่จะถูกแก้ไขใหม่จะสะท้อนจำนวนธุรกิจและสินทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้น

· สถานการณ์การชุมนุมในฮ่องกง ล่าสุดยังคงมีกลุ่มชุมนุมตกค้างอยู่ในพื้นที่มหาวิทยาลัยชื่อดังที่ถูกตำรวจปิดล้อมอยู่อีกเพียงประมาน 100 คน จากเมื่อวันจันทร์ที่มีผู้ชุมนุมถูกกักอยู่กว่า 1,000 คน โดยส่วนใหญ่ถ้าไม่ถูกจับกุมระหว่างพยายามหลบหนีก็อาจยอมมอบตัว ท่ามกลางตัวเลือกสำหรับการหลบหนีที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามหลบหนีออกทางท่อระบายน้ำ ส่วนตำรวจดูเหมือนจะใช้กลยุทธ์เฝ้ารอให้ผู้ชุมนุมยอมจำนน

· ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงติตด่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นได้ตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก ท่ามกลางความคาดหวังเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

โดยเฉพาะประเด็นการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯของจีน และสงครามการค้าได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันโดยรวม จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.3% ที่ระดับ 60.71 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.1% ที่ระดับ 55.15 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com