• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562

    20 พฤศจิกายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 วันทำการ จากกลุ่มนักลงทุนที่เฝ้ารอคอยการเปิดเผยรายงานประชุมเฟดคืนนี้ หลังจากที่เฟดได้ทำการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ไปแล้ว นอกจากนี้ดอลลาร์ยังมีแรงหนุนบางส่วนจากความหวังที่ลดลงของข้อตกลงขั้นแรกระหว่างสหรัฐฯและจีน

บรรดาเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ๆทั่วโลกมีการขายดอลลาร์มากขึ้นตลอดช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนบางส่วนมองว่า หากรายงานประชุมเฟดคืนนี้มีท่าทีคุมเข้มทางการเงินก็ดูจะช่วยหนุนให้เกิดการรีบาวน์ในค่าเงินดอลลาร์มากขึ้น

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 97.84 จุด หลังจากที่อ่อนค่าลงไปประมาณ 0.6% ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา หลังไปทำสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อวันที่ 13 พ.ย. บริเวณ 98.45 จุด

ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นมาที่ 1.2950 ดอลลาร์/ปอนด์ ตอบรับโพลล์ผลสำรวจที่ชี้ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมจะได้รับชัยชนะในศึกการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

ค่าเงินหยวนอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 7.0295 หยวน/ดอลลาร์

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนหากว่าจีนยังไม่สามารถทำข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ โดยถ้อยแถลงของเขามีขึ้นหลังจากที่พบกับคณะรัฐมนตรีของเขาเมื่อวานนี้ ท่ามกลางสหรัฐฯและจีนที่มีการเจรจาการค้ามาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี

โดยนายทรัมป์ ระบุว่า หากจีนยังไม่สามารถทำข้อตกลงได้ เขาก็จะตัดสินใจเพิ่มภาษีการค้ากับจีนให้สูงขึ้น

ด้านตลาดการเงินที่เคยตอบรับในเชิงบวกเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน กลับอ่อนตัวลงหลังคำเตือนล่าสุดของนายทรัมป์

· สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีการอนุมัติร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ของรัฐบาลสหรัฐฯในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการขยายงบประมาณเป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 20 ธ.ค.

ทั้งนี้ บรรดาส.ส.ในสภามีการอนุมัติ 231 – 192 ในการโหวตผ่านการขยายร่างงบประมาณออกไป แต่ภาพรวมสมาชิกพรรครีพับลิกันเป็นผู้โหวตคัดค้านต่องบประมาณดังกล่าว

· ประเด็นการไต่สวนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา มีพยานที่ยืนยันถึงบทสนทานาและนายทรัมป์และผู้นำยูเครน

โดยพันโทอเล็กซานเดอร์ วินด์แมน ที่ปรึกษาด้านความสัมพันธ์กับยูเครนประจำคณะกรรมการด้านความมั่นคงแห่งชาติ ให้การยืนยันว่า ตนได้ยินการเจรจาผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างนายทรัมป์ และนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมาจริง และนายทรัมป์ได้ “ร้องขอ” ให้ผู้นำยูเครนช่วยสืบสวนประวัติของนายโจ ไบเดน คู่แข่งทางการเมืองของเขาจริง

· รายงานจาก Vox ระบุว่า เมื่อไม่นานมานี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้บิดเบือนคำพูดของนางแนนซี เพโลซี หัวหน้าสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ เพื่อปกป้องตัวเองจากกระแสของการไต่สวน

เมื่อวานนี้ นายทรัมป์ได้ทวีตข้อความที่ตำหนิถ้อยคำของนางแนนซีที่ใช้เขียนในเมโม โดยเนื้อหาที่ถูกบิดเบือนไประบุว่า “เป็นเรื่องอันตรายที่จะปล่อยให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งตัดสินชะตากรรมของนายทรัมป์” ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ดูจะมีเนื้อหาไปในเชิงส่งเสริมการรัฐประหาร

ในความเป็นจริง นางแนนซีได้เขียนในเมโมว่า “เป็นเรื่องอันตรายที่จะปล่อยให้สหรัฐฯเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งทั้งที่เป็นแบบนี้ เนื่องจากประธานาธิบดีกำลังพยายามบิดเบือนการเลือกตั้งให้เป็นผลประโยชน์ต่อตนเอง”

· วุฒิสภาสหรัฐฯมีมติเป็นเอกฉันท์ในการอนุมัติร่างกฎหมายเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของจีนต่อเหตุปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่ทำให้ศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกงประสบภาวะอัมพาต

อย่างไรก็ดี การที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของฮ่องกง หรือ US Hong Kong Human Rights and Democracy Act หากกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา หมายความว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องทบทวนการใช้สิทธิพิเศษทางเศรษฐกิจต่อฮ่องกงเป็นประจำทุกปี และมีสิทธิใช้มาตรการลงโทษต่อเจ้าหน้าที่ฮ่องกงผู้ที่สหรัฐฯ เห็นว่าทำลายอิสระในการปกครองตนเองของฮ่องกง

· ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯปิดปรับตัวลงไปกว่า 3% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดและความคืบหน้าต่อกรณีข้อตกลงการค้าที่เป็นไปอย่างจำกัดจึงดูจะเป็นปัจจัยลบต่อทิศทางอุปสงค์น้ำมัน

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 1.67 เหรียญ หรือ -2.7% ที่ระดับ 60.76 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 1.84 เหรียญ หรือ -3.2% ที่ระดับ 55.21 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ Brent ปีนี้ปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 15% โดยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร อย่างรัสเซีย ที่ร่วมมือกันปรับลดกำลงการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา

แหล่งข่าว 3 รายเผยว่า รัสเซียดูไม่มีแนวโน้มจะเข้าร่วมการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มในการประชุมร่วมกับบรรดาประเทศสมาชิกโอเปกในการประชุมเดือนหน้า แต่อาจเห็นพ้องต่อการขยายเวลาการจำกัดอุปทานน้ำมันในซาอุดิอาระเบีย

ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรจะพิจารณาว่าจะทำการปรับลดกำลังการผลิตต่อไปหรือไม่ในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อภาวะอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอในปี 2020

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com