• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562

    13 พฤศจิกายน 2562 | Economic News



· ค่าเงินดอลลาร์ปิดเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้ให้รายละเอียดใหม่ใดๆเกี่ยวกับเรื่องสงครามการค้ากับจีน โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 98.31 จุด หรือปรับแข็งคาขึ้นประมาณ 0.11% และมีบางช่วงอ่อนค่าไปที่ 98.304 จุด หลังจากนายทรัมป์เริ่มกล่าวถ้อยแถลง

โดยในที่ประชุม Economic Club เมื่อวานนี้ ดูเหมือนนายทรัมป์จะมุ่งประเด็นไปยังการตำหนิเฟดมากกว่า ทางด้านค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 0.17% ไปที่ 7.018 หยวน/ดอลลาร์ และกลับมาทรงตัวเหนือ 7 หยวน/ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนส.ค. อันเป็นผลจากความวุ่นวายทางการเมืองในฮ่องกง ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาแย่

· รายงานจาก CNBC เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวตำหนิเฟดเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าเฟดลังเลที่จะปรับลดดอกเบี้ย จึงทำให้เป็นปัจจัยที่ถ่วงภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมไปถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯด้วย

พร้อมกันนี้ นายทรัมป์ กล่าวอ้างถึงการที่เขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเห็นได้ถึงการที่ดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้นได้สูงกว่า 45% และดาวโจนส์สูงกว่า 50% ขณะที่ Nasdaq ปรับขึ้นกว่า 60% ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯน่าจะปรับขึ้นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้หากไม่ใช่เพราะเฟดมีความลังเลในการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ยังมีรายงานถึงการที่ นายทรัมป์กล่าวโจมตีทางการค้ากับจีน โดยสื่อว่าจีนเป็นชาติที่โกง ตลอดจนการตำหนิการดำเนินงานของอดีตผู้นำสหรัฐฯในที่ผ่านมาทั้งหลาย โดยทรัมป์ระบุว่า นับตั้งแต่ที่จีนก้าวสู่ WTO ในปี 2001 เขาคิดว่าไม่มีใครเอาเปรียบสหรัฐฯไปมากกว่าจีน ซึ่งเขาจะไม่พูดคำว่า “โกง” แต่ก็ไม่มีชาติไหน “โกง” ได้มากเท่าจีน

ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ ไม่ได้กล่าวถึงการที่สหรัฐฯจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้ากับจีนบางส่วน รวมทั้งไม่ได้ระบุถึงการจะพบกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนด้วยเช่นกัน และเขาก็ไม่ได้ระบุถึงการจะเลื่อนเก็บภาษีรถยนต์ของทางอียู แต่กล่าวถึงการตั้งกำแพงภาษีของยุโรปว่าเป็นเรื่องที่แย่สำหรับสหรัฐฯ ซึ่งในหลายๆกรณียุโรปดำเนินการได้แย่กว่าจีน

· รายงานจากรอยเตอร์ส เผยว่า นายทรัมป์ ยังมีการระบุถึงความคืบหน้าเรื่องข้อตกลงการค้าที่ทั้งฝ่ายดูจะเข้าใกล้การบรรลุข้อตกลงเฟสแรก โดยจะเห็นได้จากการที่จีนต้องการทำข้อตกลงเป็นอย่างมาก ในขณะที่เขายังคงแสดงจุดยืนที่ต้องการยอมรับข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับสหรัฐฯและแรงงานสหรัฐฯ ขณะที่สถานที่ลงนามข้อตกลงอาจเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐฯ แต่เขาเองก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเกี่ยวกับการเจรจาการค้าในการกล่าวถ้อยแถลงเมื่อวานนี้

· ในวันนี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่มีพรรคเดโมเเครตคุมเสียงข้างมากอยู่ จะเริ่มการไต่สวนอย่างเปิดเผย ในกระบวนการขอถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

· สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเตรียมถ่ายทอดสดการไต่สวนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกสู่สาธารณะผ่านทางโทรทัศน์ โดยมีกำหนดการพิจารณาคดีในคืนวันพุธและวันศุกร์สัปดาห์นี้

ขณะที่ทางฝั่งเดโมแครตได้เพิ่มกำหนดการพิจารณาคดีอีก 5 กรณีสำหรับสัปดาห์หน้า โดยจะมีพยานให้การเป็นเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด 8 คน

ผลสำรวจโดย CBS News ระบุว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นเชิงลบต่อการตอบสนองต่อการไต่สวนทั้งจากนายทรัมป์และพรรรคเดโมแครต

· รายงานจาก The Washington Post ล่าสุด ระบุว่า พยานจำนวน 8 รายถูกคาดว่าจะกล่าวถ้อยแถลงในสัปดาห์หน้าสำหรับกรณีการไต่สวนถอดถอนนายทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

· นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า เขารู้สึกผ่อนคลายกับการที่ Yield Curve ของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯนั้นไม่มีการผกผันกันเป็นระยะเวลานาน จึงลดสัญญาณที่จะเห็นภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ซึ่งถึงแม้การลงทุนในภาคธุรกิจจะอ่อนแอ แต่การใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคและตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ทำให้แนวโน้มของเศรษฐกิจแม้จะผสมผสานกันแต่ภาพโดยรวมก็เป็นไปในเชิงบวก และอาจเห็นทิศทางที่ดีขึ้นกว่าช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

· นายจิม ริสช์ ประธานคณะกรรมการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรียกร้องให้บรรดาวุฒิสมาชิกสนับสนุนการผลักดันร่างนโยบายที่จะอนุมัติให้สหรัฐฯสามารถสนับสนุนการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ท่ามกลางการชุมนุมประท้วงที่ขยายตัวกลายเป็นความรุนแรงและยืดเยื้อเป็นเวลากว่า 5 เดือน

· รายงานจากรอยเตอร์สเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของการชุมนุมในฮ่องกง พื้นที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งภายในเมืองฮ่องกงได้กลายเป็น “สมรภูมิ” จากการประทะกันระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม ขณะที่ย่านศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกงอยู่ในสภาวะ “อัมพาต” จากการรับมือผู้ชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา

การชุมนุมประท้วงทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุที่ตำรวจยิงผู้ชุมนุมด้วยกระสุนจริงส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และการจุดไฟเผาผู้ชุมนุมรายหนึ่ง ซึ่งถือเป็นเหตุที่มีความรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่การชุมนุมเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา

· ราคาน้ำมันดิบปิดทรงตัวหลังจากที่ปรับขึ้นประมาณ 1% ตอบรับถ้อยแถลงของนายทรัมป์วานนี้ ขณะเดียวกันตลาดก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวการณ์ชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงอุปสงค์น้ำมันที่อาจปรับลงจากความขัดแย้งของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีน

น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 8 เซนต์ ที่ 62.1 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 8 เซนต์เช่นกัน ที่ระดับ 56.8 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com