MTS Help Center

· ค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่การลงมติข้อตกลง Brexit ในรัฐสภาอังกฤษยืดเยื้อออกไปอีกครั้งในคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าก่อนการทราบผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีแคนาดา ที่โพวลสำรวจประเมินว่าผลลัพธ์น่าจะออกมาสูสีกัน

โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.05% บริเวณ 1.115 ดอลลาร์/ยูโร แต่ในภาพรวมรายเดือนยังอ่อนค่าลง 2.05% ส่วนเมื่อเทียบกับเงินเยน ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยบริเวณ 108.58 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งค่าเงินเยนก็มีทิศทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง และทำระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 2 เดือนครึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้านค่าเงินปอนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ อ่อนค่า 0.02% บริเวณ 1.297 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยเป็นการอ่อนค่าหลุดระดับ 1.30 ดอลลาร์/ปอนด์ ครั้งแรกในรอบ 5 เดือนครึ่ง ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่า 0.21% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่ในภาพรวมรายเดือนแข็งค่าได้ 2.26% จากมุมมองเชิงบวกที่มีต่อประเด็น Brexit

สำหรับค่าเงินดอลลาร์แคนาดา แข็งค่าขึ้น 0.31% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตลาดกำลังจับตาดูผลการเลือกตั้งที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาคนปัจจุบัน จะสามารถครองตำแหน่งได้เป็นสมัยที่สอง หรือนายแอนดรูว์ เชียร์ คู่แข่งจากฝ่ายค้าน จะช่วงชิงตำแหน่งไปได้

· การลงมติข้อตกลง Brexit ถูกเลื่อนออกไปอีกครั้งในคืนที่ผ่านมา หลังจากที่นายจอห์น เบอร์คาว โฆษกประจำรัฐสภาอังกฤษ ปฏิเสธที่จะจัดการลงมติ โดยระบุว่า หากรัฐสภาทำการลงมติเมื่อคืนที่ผ่านมา จะเป็นการดำเนินการซ้ำซากและไร้ซึ่งระเบียบวินัย อย่างไรก็ตาม นายจอห์นได้ระบุว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะสามารถถอนตัวออกจากอียูในวันที่ 31 ต.ค. นี้

· หลังจากที่รัฐสภาอังกฤษได้ประกาศเลื่อนการลงมติข้อตกลง Brexit เมื่อคืนที่ผ่านมาไปอีกครั้ง นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้กล่าวกับบรรดา ส.ส. ในรัฐสภาว่า ไม่มีฝ่ายใดต้องการให้ Brexit ยืดเยื้อออกไปอีก ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาเอง ทางอียู และสาธารณชน พร้อมยืนยันว่าอังกฤษจะออกจากอียูในวันที่ 31 ต.ค. ตามกำหนดการเดิม และจะเร่งผลักดันให้รัฐสภาลงมติในข้อตกลง Brexit โดยเร็วที่สุดอีกครั้ง

· บรรดาผู้นำประเทศในอียูทั้ง 27 ประเทศ กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะอนุมัติการขยายระยะเวลาของ Brexit ออกไปจากกำหนดการเดิมหรือไม่ ซึ่งคาดว่าทางอียูน่าจะใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อนที่จะมีการประกาศออกมา

ขณะที่รายงานจาก Sunday Times ในอังกฤษ ระบุว่า ทางอียูมีแนวโน้มสูงที่จะยอมรับช่วงเวลาที่ทางรัฐบางอังกฤษขอเลื่อน Brexit ออกไป คือวันที่ 31 ม.ค. 2020 สำหรับในกรณีที่ทางอียูเห็นด้วยกับการของเลื่อนระยะเวลา Brexit

· จีนกำลังขออนุมัติกับ WTO เพื่อขอขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐฯเป็นมูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญ จากกรณีที่สหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในกลุ่มแผงโซลาเซลส์ กังหันลม และกระบอกสูบเหล็ก ตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลโอบามา ซึ่งทาง WTO ได้เคยระบุว่า สหรัฐฯกำลังทำผิดข้อตกลงของ WTO และจีนสามารถขึ้นภาษีตอบโต้ได้ หากสหรัฐฯไม่ยอมยกเลิกภาษีดังกล่าว

ทั้งนี้ ทาง WTO ระบุว่า จะนำข้อเรียกร้องของจีนกลับมาพิจารณาอีกครั้งภายในวันที่ 28 ต.ค. นี้

· สถาบัน Positive Money มีมุมมองว่า ธนาคารกลางอังกฤษ หรือบีโออี ควรได้รับอำนาจและอิสระในการออกนโยบายทางการเงิน รวมถึงมีส่วนร่วมในการกำหนดแผนงบประมาณของรัฐบาลอังกฤษมากขึ้น เพื่อที่ทางธนาคารกลางจะสามารถสนับสนุนเศรษฐกิจในภาวะชะลอตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า ตนไม่ต้องการให้ทหารสหรัฐฯคงอยู่ในพื้นที่ของซีเรีย แต่จำเป็นต้องให้ทหารที่กำลังถอนตัวออกจากพื้นที่ซีเรียถูกส่งไปประจำการในพื้นที่อื่นเสียก่อน ก่อนที่จะเรียกกลับมาสหรัฐฯอีกครั้ง

นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังมีมุมมองว่า การประกาศหยุดยิงในพื้นที่ซีเรียเป็นเวลา 5 วัน สามารถช่วยให้สถานการณ์ในพื้นที่ดูจะสงบลงได้บ้าง แม้จะมีการประทะกับกองกำลังชาวเคิร์ดอยู่เป็นบางช่วงก็ตาม ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะขยายมาตรการหยุดยิง จากเดิมที่กำหนดไว้ 5 วันและกำลังจะหมดลงในวันอังคารนี้

· นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ล้มเลิกความพยายามก่อตั้งรัฐบาลใหม่ หลังประสบความล้มเหลวในการครองเสียงข้างมากในรัฐสภาจากการเลือกตั้งเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้นายริวเวน ริฟลิน ประธานาธิบดีอิสราเอล แต่งตั้งให้นายเบนนี แกนซ์ จากพรรคฝ่ายกลาง เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นแทน

· เกิดเหตุประท้วงขึ้นในประเทศชิลีตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยประชาชนนับหลายพันคนได้มารวมตัวภายในเมืองหลวงกรุงซานติอาโกเพื่อต่อต้านค่าครองชีพที่สูง จนเกิดเป็นการปะทะกับกองกำลังรักษาความปลอดภัย ซ้ำยังมีการจุดไฟเผาและการโจรกรรมห้างสรรพสินค้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 11 ราย ล่าสุดประธานาธิบดีชิลีได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับลงเกือบ 1% หลังถ้อยแถลงสมาชิกเฟด แสดงความกังวลต่อสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน จึงตอกย้ำต่อความกังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกที่จะลดอุปสงค์น้ำมัน

น้ำมันดิบ Brent ปิด -0.8% หรือลดลง 46 เซนต์ ที่ระดับ 58.96 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ WTI ปิด -0.9% หรือลดลง 47 เซนต์ ที่ระดับ 53.31 เหรียญ/บาร์เรล

แม้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะมีสัญญาณการลงนามข้อตกลงกับจีนในการประชุม APEC เดือน พ.ย. นี้ แต่เลขาธิการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงการค้าในขั้นต้นอาจไม่แล้วเสร็จในเดือนหน้า

อย่างไรก็ดี นายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ มีเป้าหมายจะให้ข้อตกลงเฟสแรกเสร็จได้ทันการประชุม APEC ที่จะเกิดขึ้นระหว่าง 16-17 พ.ย.นี้