MTS Help Center

· ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัว ท่ามกลางบรรดานักลงทุนที่รอคอยความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงประเด็น Brexit หลังจากรัฐสภาอังกฤษเลื่อนการลงมติข้อตกลงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

โดยราคาทองคำทรงตัวแถว 1,490.03 เหรียญ ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับลดลงเล้กน้อยแถว 1,493.50 เหรียญ

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น จึงกดดันราคาทองคำไม่ให้ปรับสูงขึ้นได้ โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับสูงขึ้น 0.2%

· นักวิเคราะห์จาก AxiTrader มีมุมมองว่า ตลาดได้ตอบรับกับกระแสของความไม่แน่นอนทางการเมือง และกำลังรอจังหวะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงเพื่อเข้าซื้อ แต่ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยที่รุนแรงพอที่จะผลักดันราคาทองคำไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเลย

· ภาวะความตึงเครียดจากสงครามการค้ากำลังกดดันภาพรวมเศรษฐกิจโลก โดยการส่งออกของญี่ปุ่นหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ขณะที่การส่งออกของเกาหลีใต้ปรับร่วงลงถึง 19.5% ในเดือน ต.ค. และการส่งออกไทยที่ประกาศออกมาต่ำกว่าคาด

· ทางฝั่งประเทศจีน ภาคที่อยู่อาศัยเติบโตได้ด้วยอัตราคงที่ในเดือน ก.ย.จึงช่วยคลายความกังวลให้กับทางธนาคารกลางจีน ที่กำลังกังวลกับปัญหาหนี้สินและภาวะฟองสบู่ จึงหลีกเลี่ยงการประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

· สำหรับกรณี Brexit เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รัฐสภามีมติเลื่อนการลงคะแนนเสียงในข้อตกลง Brexit ฉบับล่าสุด และพยายามกดดันให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เจรจาขอขยายระยะเวลาของ Brexit ออกไป ทำให้ตลาดกลับมามีความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่อังกฤษจะสามารถถอนตัวออกจากอียูโดยส่งผลกระทบน้อยที่สุดกับเศรษฐกิจได้

· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters ประเมินกรอบของราคาทองคำไว้ระหว่าง 1,479 – 1,502 เหรียญ หากหลุดกรอบนี้ไปในทางใดทางหนึ่ง จะเป็นตัวกำหนดทิศทางต่อไปของราคา

· ราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 0.2% แถว 17.57 เหรียญ และราคาแพลทินัมปรับสูงขึ้น 0.4% แถว 892.64 เหรียญ

· ด้านราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.9% แถว 1,770.07 เหรียญ แต่ยังต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,783.21 เหรียญที่ขึ้นไปได้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

· นักวิเคราะห์จาก ANZ มีมุมมองว่า ปริมาณการเทขายพลาเดียมอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า การปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาของพลาเดียม เกิดขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ไม่ได้มาจากการเก็งกำไรแต่อย่างใด ขณะที่ปริมาณอุปทานของพลาเดียมยังมีแนวโน้มที่จะยังตึงตัวในอนาคตอันใกล้นี้ ราคาพลาเดียมจึงมีโอกาสปรับสูงขึ้นได้อีก