• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2562

    16 ตุลาคม 2562 | Economic News
 

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 แม้ว่าการเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีนจะมีมุมมองเชิงบวกที่ลดลงไป ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์เข้าซื้อดอลลาร์อีกครั้งหลังถูกแรงเทขายเข้ามาในสัปดาห์ที่แล้ว จากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผสมผสานกันของสหรัฐฯ รวมทั้งความหวังงที่จะเห็นการแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ดูจะสร้างความผันผวนให้แก่การถือครองสถานะ Long ของดอลลาร์ในตลาด

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ระดับ 98.55 จุด แต่ภาพรวมร่วงลงมา 1% จากระดับสูงสุดรอบ 2 ปีครึ่งบริเวณ 99.67 จุดที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้

ทั้งนี้ ความคาดหวังเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าที่ลดน้อยลงไปได้เข้ากดดันให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าขึ้นหลังจากที่ไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดรอบ 1 เดือน โดยเงินหยวนอ่อนค่าขึ้นจากระดับ 7.0503 หยวน/ดอลลาร์ มาที่ 7.0787 หยวน/ดอลลาร์

ข้อมูลความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีที่ออกมาแย่กว่าที่คาดในเดือนนี้ ได้กดดันให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.2% ที่ระดับ 1.1007 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงในช่วงต้นตลาดท่ามกลางการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ต่างๆเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ที่มีกำหนดเส้นตายสิ้นเดือนนี้ โดยแหล่งข่าววงใน 3 ราย เผยว่า ข้อเสนอล่าสุดก็ดูจะไม่เพียงพอจะเกิดข้อตกลงได้ และเนื้อหาด้านกฎหมายจำเป็นต้องได้ข้อสรุปเพื่อให้เกิดข้อตกลงอันนำไปสู่ที่ประชุมสุดยอดผู้นำในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ดี ค่าเงินปอนด์ก็กลับมาปิด +0.3% ที่ระดับ 1.2646 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดอ่อนค่าลงไปเกือบ 0.7% โดยการกลับมาปิดบวกดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ นายไมเคิล บาร์เนีย เจ้าหน้าที่เจรจาจากอียู เผยมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับ Brexit ที่ว่าการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงแม้จะเป็นไปอย่างยากลำบากแต่ก็เชื่อว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า ในการเจรจาหารือเรื่องข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษและอียูจะต้องผ่านความเห็นชอบร่วมกันให้ได้ภายในเที่ยงคืนวันนี้เพื่อส่งต่อให้แก่การเจรจาสุดยอดผู้นำอียูในสัปดาห์นี้ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ว่าอังกฤษจะสามารถหลีกเลี่ยงการเลื่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 31 ต.ค.นี้ได้

· ในอีก 2 สัปดาห์จะเข้าสู่การประชุมเฟดประจำเดือนต.ค. ท่ามกลางความไม่ราบรื่นของข้อตกลงการค้าสหรัฐฯและจีนที่ดูจะเพียงพอจะสร้างความไม่แน่นอนให้แก่การดำเนินนโยบายการเงินของเฟด เนื่องจากสงครามการค้าดูจะสร้างแรงกดดันต่อภาวการณ์เติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นอัตราว่างงานที่อยู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าหลายสิบปี และข้อมูลการใช้จ่าของกลุ่มผู้บริโภคที่ยังแข็งแกร่งอาจทำให้เฟดตัดสินใจที่จะไม่เร่งลดดอกเบี้ยได้

นางแมรี่ ดาร์ลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า ณ ขณะนี้ เธอมีมุมมองบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเฟดก็ดำเนินนโยบายมาอย่างถูกทาง แม้ว่าผลกำไรภาคธุรกิจจะมีความไม่แน่นอนอยุ่บ้าง แต่ตลาดก็มีความผันผวนลดดลงจากข่าวความคืบหน้าของ Brexit และ การเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน

อย่างไรก็ดี นางดาร์ลี เชื่อว่า เงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมาย 2% ของเฟดได้ และเชื่อว่าการที่เฟดตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปีนี้ในเดือนก.ค. และก.ย. จะช่วยให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวได้อย่างยั่งยืนและยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์

· นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวในทำนองเดียวกับนางดาร์ลีย์ โดยระบุว่า สิ่งที่เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ คือความไม่แน่นอนทางการค้า แต่สำหรับตัวเขานั้นก็มองว่าเฟดดำเนินนโยบายที่ค่อนข้างตึงเกินไป ซึ่งเฟดอาจเลือกเพิ่มการผ่อนคลายทางการเงินได้ผ่านสัญญาณชี้นำครั้งต่อไป โดยการตัดสินใจใดๆควรเป็นลักษณะการประชุมต่อครั้ง

· เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวจำนวน 12 ราย จะทำการดีเบตกันเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับกรณีการไต่สวน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้สร้างแรงกดดันแก่ยูเครนในการสืบสวนคู่แข่งทางการเมืองอย่าง นายโจ ไบเดน

· รายงานนักวิเคราะห์จาก Moody’s ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีสิทธิคว้าชัยในสมัยที่ 2 สำหรับการลงชิงตำแหน่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯปีหน้านี้ ภายใต้ 3 เงื่อนไขทางการแตกต่างของรูปแบบทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเมื่อพิจารณาโครงการของเขาดูจะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงิน, การฟื้นตัวของตลาดหุ้นภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ รวมทั้งอัตราว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี และนี่อาจจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เขาอาจได้รับเลือกกลับมาดำรงตำแหน่งอีก 4 ปีข้างหน้า

· เจ้าหน้าที่ทีบริหารอาวุโสของทำเนียบขาว เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกคาดว่าจะเพิ่มความเป็นไปได้ในการตอบโต้การขึ้นภาษีบริษัทดิจิตอลของอิตาลี

· ธนาคารกลางเกาหลีใต้ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนตามคาดเพื่อสนับสนุนการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและแรงกกดดันเงินฝืด โดย BoK ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.25%

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงหลังจากที่ปรับร่วงลงหนักในช่วง 2 วันทำการก่อนหน้า จากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ ประกอบกับกลุ่มนักลงทุนลดมุมมองต่อการหาข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ถึงแม้ในสัปดาห์ที่แล้วจะมีสัญญาณที่จะลงนามร่วมกันก็ตาม

น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 68 เซนต์ หรือ -1.15% ที่ระดับ 58.67 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTI ปิดปรับตัวลง 78 เซนต์ หรือ -1.5% ที่ระดับ 52.81 เหรียญ/บาร์เรล

รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน หรือ NBS เผยข้อมูลกิจกรรมภาคโรงงานอุตสาหกรรมจีนดิ่งลงอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 3 ปีจากข้อมูลในเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ข้อมูลยอดนำเข้าจีนหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

รายงานจาก Reuters ระบุว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังดำเนินต่อไปดูจะส่งผลเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com