• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2562

    3 ตุลาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินยูโรและเยน ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเก่ี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และปัญหาข้อขัดแย้งการค้าทั่วโลก

ค่าเงินเยนแข็งค่าหลุด 107 เยน/ดอลลาร์ มาทำต่ำสุดรอบสัปดาห์ที่ 106.95 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรทรงตัวที่ 1.0964 ดอลลาร์/ยูโณ

นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลเรื่องที่สหรัฐฯถูกอนุญาตให้ตั้งภาษีสินค้ายุโรปมูลค่า 7.5 พันล้านเหรียญได้ จากกรณียุโรปจ่ายเงินอุดหนุนบริษัท Airbus อย่างผิดกฎหมาย

คาดการณ์โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดล่าสุดอยู่แถว 73% เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากโอกาสแถว 60% อันเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภาวะทางการเมือง ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับเหนือ 99 จุดก็จริง แต่ยังคงอยู่ห่างจากระดับสูงสุดรอบ 2 ปีที่ทำไว้ที่ 99.667 จุดในวันอังคาร

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจต่อไปที่ตลาดให้ความสำคัญ คือ ข้อมูลยอดค้าปลีกยุโรปในเดือนส.ค. และผลสำรวจภาคบริการเยอรมนี ขณะที่สหรัฐฯจะมีการประกาศข้อมูลภาคการบริการในคืนนี้เช่นกัน

· นายคลีท วิลเลียม อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปัจจุบันร่วมงานกับสถาบันด้านกฏหมาย Akin Gump มีมุมมองเกี่ยวกับการที่องค์การการค้าโลก (WTO) ประกาศอนุมัติให้สหรัฐฯสามารถเรียกเก็บภาษีเพิ่มจากยุโรปได้เป็นมูลค่า 7.5 พันล้านเหรียญ ว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าถึง 7.5 พันล้านเหรียญ เป็นมูลค่าที่มากที่สุดที่ทาง WTO เคยอนุมัติ

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มีความคาดหวังว่า การประกาศขึ้นภาษีของสหรัฐฯ จะช่วยผลักดันให้ยุโรปยอมเจรจากับสหรัฐฯได้ แต่การเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายเมื่อในอดีตก็ไม่ค่อยมีผลลัพธ์ที่ดีเท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐฯจะยังคงมีผลอยู่ในระยะยาวเป็นเวลาหลายเดือน

· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Independent Strategy มีมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ชุมนุมประท้วงในฮ่องกง ว่าถึงจุดที่ไม่สามารถกลับตัวได้เสียแล้ว (point of no return) นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุ ตำรวจยิงผู้ชุมนุมวัย 18 ปีด้วยกระสุนจริง เพื่อป้องกันตัวจากการถูกคุกคาม จึงทำให้โอกาสที่ปัญหาทางการเมืองครั้งนี้จะคลี่คลายลงได้เริ่มริบหรี่ลง และมีโอกาสต่ำที่สถานการณ์จะดีขึ้น ดังนั้นทิศทางในอนาคตสำหรับเหตุการณ์นี้จึงค่อนข้างมืดหม่น

· นักวิเคราะห์จากสถาบัน Independent Strategy มีมุมมองเกี่ยวกับข้อเสนอ Final Brexit ของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ว่าจะเป็นการแบ่งแยกไอร์แลนด์เหนือออกจากสหราชอาณาจักร ดังนั้น ข้อเสนอดังกล่าวมีแนวโน้มสูงที่จะ “ไม่ได้ผล”


· เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตสู่ระดับ 3 แสนล้านเหรียญ ภายในปี 2025 ท่ามกลางการที่ประชาชนในทวีปเริ่มหันมาใช้งานบริการสั่งซื้อและส่งอาหารออนไลน์กันมากขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจเกี่ยวกับข้องถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ 200% ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า จากมูลค่ารวมปัจจุบันที่ถูกคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1 แสนล้านเหรียญ โดย Google

· นายยูกิโทชิ ฟูโนะ หนึ่งในสมาชิกบอร์ดบริหารของบีโอเจ ระบุว่า สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เคยถูกคาดการณ์ไว้ ล่าสุดสัญญาณดังกล่าวได้ล่าช้าออกไป ซึ่งน่าจะเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

· รายงานจาก Bloomberg ที่อ้างอิงจากสำนักข่าว TVB ในฮ่องกง ระบุว่า รัฐบาลฮ่องกงจะประกาศใช้คำสั่งฉุกเฉินเป็นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อสั่งห้ามการสวมหน้ากากในที่ชุมนุม

· นายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯยังคงไม่มีมุมมองว่าอินเดียควรได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าร่วมกับสหรัฐฯ แต่ทั้งสองฝ่ายกำลังมีการเจรจาเกี่ยวกับการคืนสิทธิดังกล่าวให้กับอินเดีย หลังจากที่สหรัฐฯยกเลิกสิทธิไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

· กลุ่มตัวแทน Brexit ในรัฐสภาของสหภาพยุโรป มีมุมมองว่า ข้อเสนอ Brexit ของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ “ไม่ครอบคลุมพื้นฐานของการเจรจา” โดยเป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างข้อตกลง Brexit ก่อนหน้าการเปิดเผยภายในวันนี้

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อาวุโสในอียูมีมุมมองว่าข้อตกลงดังกล่าวจะ “ไม่ได้ผล” เนื่องจากข้อตกลงไม่ได้เสนอวิธีแก้ปัญหาชายแดนของไอร์แลนด์หลังการถอนตัวของอังกฤษ

· นายลูอิส เดอ กวินดอส รองประธานอีซีบี มีมุมมองว่า นโยบายการเงินของอีซีบีควรมีบทบาทในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนมากกว่านี้ แต่เนื่องจากโครงสร้างทางการเงินของเศรษฐกิจที่ไม่เหมาะสม จึงช่วยสนับสนุนให้นโยบายมีผลกระทบได้ไม่เต็มที่

· ทางผู้นำปากีสถานและผู้นำกลุ่มตาลีบันมีการเรียกร้องให้สหรัฐฯกลับมาเจรจาเพื่อความสงบในวันนี้ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการเจรจาไปเมื่อเดือนก่อน

· ราคาน้ำมันดิบรีบาวน์จากที่ร่วงลงไปในช่วงต้นตลาด ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ดูจะไม่ค่อยดีนัก ประกอบกับตลาดรอคอยความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาระหว่างสหรัฐฯและจีน

น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นประมาณ 10 เซนต์ หรือ +0.2% ที่ระดับ 57.79 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 2% ในวันก่อนหน้า

น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 23 เซนต์ หรือ +0.4% ที่ระดับ 52.87 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เมื่อคืนปิด -1.8%


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com