• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 9 กันยายน 2562

    9 กันยายน 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ แต่ก็ยังทรงตัวได้เหนือระดับสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาผสมผสานกัน อันได้แก่ ข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯเดือนส.ค. ที่ชะลอตัวลงและหนุนโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย


ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์ยังคงรอคอยว่าเฟดจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไปหลังจากที่ในเดือนก.ค. ทำการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008


กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยว่า ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯในเดือนที่ผ่านมาออกมาแย่ลงสู่ระดับ 130,000 ตำแหน่ง จากที่คาดว่าจะมีการจ้างงานสูงถึง 158,000 ตำแหน่ง ทางด้านค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมงขยายตัวได้ 0.4% ในเดือนที่ผ่านมา สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะออกมาทรงตัวที่ 0.3%


เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group มองว่า เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมระหว่าง 17-18 ก.ย.


ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.19% ที่ระดับ 98.223 จุด หลังไปทำระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ บริเวณ 98.085 จุด ในขณะที่ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วอ่อนค่าลงประมาณ 0.67% ซึ่งเป็นการปรับลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.


อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากการที่ภาวะตึงเครียดทางการค้าระดับโลกผ่อนคลายลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการที่สหรัฐฯและจีนจะตกลงมาเจรจาระดับสูงในเดือนต.ค.


นอกจากนี้ การที่พรรคฝ่ายค้านอังกฤษพยายามค้าน Brexit แบบ No-Deal ประกอบกับการที่ผู้ว่าการเกาะฮ่องกงทำการถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ช่วยคลายบรรยากาศการชุมนุมของผู้ประท้วงลงได้บ้าง จึงเป็นปัจจัยที่กดดันดอลลาร์ออกจากการถือครองในฐานะ Safe-Haven


ค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นมา 0.37% ที่ระดับ 7.1118 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากที่ธนาคารกลางจีน หรือ PBoC เผยถึงการเดินหน้าประกาศปรับลดดอกเบี้ยเงินกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% โดยจะมีผลตั้งแต่ 16 ก.ย.เป็นต้นไป เพื่อเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

· ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนประกาศว่าจะปรับลดสัดส่วนทุนสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ลง 0.5% เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม และลดต้นทุนการระดมเงินทุนของสังคม ในขณะเดียวกันยังถือเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงวิสาหกิจภาคเอกชนอีกด้วย


นอกจากนี้ ยังระบุถึงการจะปรับลดสัดส่วนทุนสำรองลง 1% สำหรับธนาคารพาณิชย์ในเมืองที่ประกอบกิจการ ในเขตบริหารระดับมณฑลโดยเฉพาะ โดยจะแบ่งเป็นสองระยะ ซึ่งระยะแรกเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. และระยะที่สอง เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. โดยแต่ละช่วงจะปรับลด 0.5%


อย่างไรก็ดี การปรับลดสัดส่วนทุนสำรองครั้งนี้จะทำให้มีเงินทุนระยะยาวประมาณ 9 แสนล้านหยวน (1.2635 แสนล้านเหรียญ) และการเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ของปี และนับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2008


· ค่าเงินยูโรเช้านี้ปรับตัวลงก่อนทราบผลประชุมอีซีบีในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ที่ถูกคาดว่าจะเห็นอีซีบีประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อสนับสนุนความอ่อนแอของเศรษฐกิจในภูมิภาค หลังจากที่ล่าสุดธนาคารกลางจีนเดินหน้าผ่อนคลายทางการเงินเป็นธนาคารกลางล่าสุด


และค่าเงินยูโรในตลาดเอเชียเช้านี้ทรงตัวบริเวณ 1.10235 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่อ่อนค่าลงในคืนวันศุกร์ประมาณ 0.1%

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอ่อนตัวลงหลังจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นตลาด ตอบรับข่าวจ้างงานสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าที่คาดในเดือนส.ค. แม้ว่าข้อมูลอัตราค่าจ้างจะยังคงออกมาในเกณฑ์ที่ดีก็ตาม โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปี ปรับตัวลงแตะ 1.55% ขณะที่ผลตอบแทนอายุ 2 ปี ทรงตัวแถว 1.53% หลังจากที่วันพฤหัสบดีปรับตัวขึ้นรายวันมากที่สุดตั้งแต่ก.พ. ปี 2015 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวลงแตะ 2.02%


· ผลการประกาศข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯออกมาแย่ลงกว่าที่คาดแตะระดับ 130,000 ตำแหน่ง ขณะที่เดือนก่อนหน้ามีการจ้างงานที่ 164,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานยังทรงตัวที่ 3.7%

ในส่วนของค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 0.4% และดูจะหนุนให้ภาพรวมรายปีปรับตัวสูงขึ้นไปประมาณ 3.2%

· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนกำลังกดดันความเชื่อมั่นในการตัดสินใจลงทุนระยะยาวของบริษัทในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตหรือพัฒนาซอฟท์แวร์ใหม่ๆ เป็นต้น เนื่องจากพวกเขาต้องการความชัดเจนว่าปริมาณอุปสงค์ในตลาดยังแข็งแกร่งพอที่จะตอบรับกับการลงทุน

สำหรับเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟด นายโพเวลล์มีมุมมองที่เป็นเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯมากที่สุด กล่าวคือ เฟดมีการใช้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯต่อไปได้ และเฟดไม่มีคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแต่อย่างใด โดยคาดการณ์ของเฟดคือกรณีที่ เศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถเติบโตได้ในระดับปานกลาง ท่ามกลางตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อที่มแนวโน้มจะทยอยฟื้นตัวต่อไปได้


ทั้งนี้ นายโพเวลล์ยังคงยืนยันว่า เฟดจะรักษาความยืดหยุ่นของการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถเติบโตได้ต่อไป ซึ่งเป็นถ้อยคำเดียวที่เขาเคยกล่าวไว้ในถ้อยแถลงครั้งก่อนๆ ที่ตลาดตอบรับว่าเฟดน่าจะใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ

· นายแลรี คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ระบุว่า ทีมบริหารต้องการผลลัพธ์ “ระยะสั้น” จากการเจรจาระหว่างตัวแทนสหรัฐฯและจีนในช่วงเดือน ก.ย. – ต.ค. นี้ แต่ก็ได้เตือนว่า ความขัดแย้งทางการค้าของทั้งสองฝ่ายอาจใช้เวลาหลายปีถึงจะคลี่คลายลงได้

แม้ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะดำเนินยาวนานมากว่า 18 เดือนแล้วก็ตาม นายคุดโลว์ยังมีมุมมองว่าระยะเวลา 18 เดือนนั้นไม่ได้ยาวนาน แต่เนื่องจากขนาดและความครอบคลุมของเจรจามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นฝั่งสหรัฐฯจำเป็นต้องทำออกมาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แม้อาจต้องใช้เวลาเป็นถึง 10 ปีก็ตาม

· ผลการประกาศข้อมูลการส่งออกจีนไปยังสหรัฐฯในเดือนส.ค.ปรับตัวลดลง จึงยิ่งตอกย้ำถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและกดดันให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายต้องเลือกใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในสภาวะ Trade War ระหว่างสองประเทศ แม้ว่าวันศุกร์จะมีการประกาศใช้นโยบายปรับลดการกันสำรองของภาคธนาคาร โดยยอดส่งออกเดือนส.ค.ร่วงลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนและถือว่าเป็นอัตราการร่วงลงมากที่สุดตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยปรับลงไปกว่า 1.3%

· นายสเตฟเฟน บาร์คเลย์ รัฐมนตรีกระทรวง Brexit แห่งอังกฤษ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะละเมิดกฏหมายและผลักดัน No-deal Brexit ต่อ โดยไม่สนการลงมติของรัฐสภาที่บังคับให้อังกฤษสามารถถอนตัวออกจากอียูต่อเมื่อมีข้อตกลงร่วมกันเท่านั้น โดยรัฐมนตรีฯระบุเพียงแค่ว่า บรรดารัฐมนตรีต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย และสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุดตอนนี้ คือการหาข้อตกลงกับอียู

รัฐสภาอังกฤษถูกคาดการณ์ว่า จะมีการผ่านร่างนโยบายที่บังคับในนายกฯต้องผลักดันการขอขยายระยะเวลาของมาตรา 50 หรือระยะเวลาของ Brexit ออกไป เพื่อใช้ช่วงเวลาดังกล่าวสำหรับการเจรจาหาข้อตกลงกับอียู ขณะที่อดีตอัยการสูงสุดของอังกฤษเตือนว่า หากนายกฯระเมิดกฎหมาย เขาก็จะต้องถูกพิจารณาและรับโทษจากศาลเหมือนกับประชาชนทั่วไป


· รายงานจาก CNBC ระบุว่า กองทัพอิหร่านและกองกำลังภายนอกที่เกี่ยวข้องยังคงมีการลักลอบส่งออกน้ำมันด้วยเครือข่ายที่ผิดกฏหมาย แม้ว่าจะอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯก็ตาม ซึ่งทางสหรัฐฯก็กำลังมีการดำเนินงานเพื่อยับยั้งการส่งออกน้ำมันอย่างผิดกฏหมาย ขณะที่ทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ออกถ้อยแถลงเตือนบริษัทสหรัฐฯที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการขนส่งน้ำมันว่า ระวังอย่าเข้ามามีส่วนร่วมกับเครือข่ายดังกล่าว ไม่เช่นนั้นจะเผชิญบทลงโทษจากภาครัฐ

· ผู้ชุมนุมชาวงฮ่องกงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ทีผ่านมา ได้เดินขบวนไปยังกงสุลสหรัฐฯภายในเมืองฮ่อง พร้อมโบกธงของสหรัฐฯ และเรียกร้องให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วยปลดแอกฮ่องกงให้เป็นอิสระจากรัฐบาลจีน ขณะที่ทางนายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เตือนให้ทางรัฐบาลจีนปฏิบัติกับการชุมนุมอย่างใจเย็น

· ทางสำนักข่าว China Daily รายงานว่า รัฐบาลจีนออกถ้อยแถลงเตือน ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หากมีฝ่ายใดยุยงหรือพยายามที่จะแบ่งแยกทั้งสองออกจากกัน ทางรัฐบาลจีนจะไม่อดทนและจะลงโทษอย่างสาหัส พร้อมกล่าวว่า การเคลื่อนไหวล่าสุดของการชุมนุมในฮ่องกงเป็นหลักฐานชี้ชัดว่า มีการแทรกแซงจากต่างชาติอยู่เบื้องหลังการชุมนุม นับตั้งแต่ที่การชุมนุมเริ่มเคลื่อนไหวในช่วงกลางเดือน มี.ค.

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นก่อนทราบถ้อยแถลงประธานเฟดที่อาจยังคงระบุถึงการดำเนินนโยบายด้วยความเหมาะสม เพื่อให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวได้อย่างยั่งยืนอันได้รับผลกระทบจาก Trade War ที่สร้างความไม่แน่นอนไปทั่วโลก

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 52 เซนต์ หรือ +0.9% ที่ระดับ 61.47 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ WTI ปิดปรับขึ้น 22 เซนต์ หรือ +0.4% ที่ระดับ 56.52 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ น้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดช่วงต้นตลาดมีการปรับตัวลดลงจากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯที่ออกมาแย่ลงและความตึงเครียดทางการค้า แต่สถานการณ์ก็ดูจะคลี่คลายลงไปจากความคืบหน้าที่จะกลับมาเจรจาร่วมกัน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com