MTS Help Center

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับลงในวันทำการแรกของเดือนกงย.นี้ หลังจากที่สหรัฐฯและจีนมีการเริ่มต้นขึ้นภาษีกันในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอดูจะกดดันความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุน

ดัชนีดาวโจนส์ปิด -285.26 จุด หรือ -1.1% ที่ระดับ 26,118.02 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด -0.7% ที่ 2,906.27 จุด ทางด้าน Nasdaq ปิด -1.1% ที่ระดับ 7,874.16 จุด

ในช่วงทราบการประกาศข้อมูลจาก ISM เกี่ยกับรายงานกิจกรรมภาคการผลิตสหรัฐฯที่ร่วงลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2016 ก็ได้ส่งผลให้ดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 425.06 จุด หรือ -1.6% ขณะที่ S&P -1.2% และ Nasdaq ปรับลง -1.5%

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงหลังจากที่สมาชิกฝ่ายค้านของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ ลงมติชนะฝ่ายรัฐบาลไปด้วยคะแนน 328 เสียงต่อ 301 เสียง เพื่อยึดการควบคุมสภา และเพื่อเป็นการขัดขวางไม่ให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นำประเทศออกจากอียูในวันที่ 31 ต.ค. แบบไม่มีข้อตกลงหรือ No-Deal

อย่างไรก็ดี นายจอห์น เบอร์คาว ประธานสภาสามัญชน กำลังพิจารณาคำขออภิปรายดังกล่าว ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ สมาชิกพรรคฝ่ายค้านก็จะสามารถลงมติเพื่อเข้าควบคุมการประชุมรัฐสภาจากพรรคร่วมรัฐบาลได้ และการลงมติดังกล่าวจะเปรียบเสมือนการลงมติไม่ไว้วางใจนายจอห์นสัน และแผนการเกี่ยวกับ Brexit ของเขา และอาจทำให้พรรคฝ่ายค้านสามารถขยายเส้นตาย Brexit ออกไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. ปี 2020 ได้

ดัชนี Stoxx600 ปิด -0.35% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มน้ำมันและแก๊สที่ปรับลง 0.9% และทำให้หุ้นกลุ่มภูมิภาคส่วนใหญ่มีการเคลื่อนไหวในแดนลบ ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองก็ฉุดให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงต่ำกว่า 1.2 ดอลลาร์/ปอนด์ ไปทำต่ำสุดตั้งแต่ ต.ค. ปี 2016 ที่ระดับ 1.1967 ดอลลาร์/ปอนด์

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันในเช้านี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.1% ขณะที่ Topix เปิด -0.43% ทางด้าน Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.19% ในขณะที่ S&P/ASX200 เปิด -0.87% และดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิดทรงตัว

· อ้างอิงสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทวันนี้ระหว่าง 30.55 - 30.70 บาท/ดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ เงินปิดตลาดอ่อนค่าตามค่าเงินในภูมิภาค เนื่องจากไม่มีข่าวด้านบวก ตลาดเลยกลับมากังวลกับสงครามการค้า

- นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในระหว่างการประชุม ครม.วันนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเศรษฐกิจในประเทศหลังจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/62 มีแนวโน้มเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาส 2/62 ซึ่งรัฐบาลเตรียมออกมาตรเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4/62 ให้ขยายตัวได้ดีขึ้น

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน โดยยืนยันว่าเศรษฐกิจไม่ได้ถดถอย เพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจในแต่ละไตรมาสยังเติบโตเป็นบวก ไม่ได้ติดลบ เพียงแต่เป็นการเติบโตในอัตราที่ชะลอลงกว่าที่คาดไว้เท่านั้น

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำรายละเอียดงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 และแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณดังกล่าว ที่วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท จากที่แต่ละหน่วยงานเสนอมารวมทั้งสิ้น 5.1 ล้านล้านบาท

- รัฐบาลกำหนดจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในวันที่ 6 ก.ย.นี้เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และมาตรการกระตุ้นการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ จากที่เลื่อนมาจากเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา

- สภาผู้ส่งออก ยังคงคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 2562 ไว้ที่หดตัว -1%