• TRADE WAR | กำแพงภาษีสหรัฐฯ-จีนรอบใหม่

    2 กันยายน 2562 | Economic News
  
รายงานจาก BBC News – เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สหรัฐฯมีการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนอย่างเป็นทางการมูลค่า 1.12 แสนล้านเหรียญ โดยจะเป็นสินค้าในกลุ่มรองเท้า, ผ้าอ้อม และอาหาร และอัตราภาษีใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือน คิดเป็น 800 เหรียญ/ปี

การเคลื่อนไหวในเฟสแรกของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯล่าสุด มีขึ้นจากแผนที่วางไว้ว่าจะขึ้นภาษีจีน 15% มูลค่า 3 แสนล้านเหรียญในช่วงสิ้นปีนี้

ขณะที่จีนโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีน้ำมันสหรัฐฯ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กลุ่มพลังงานเชื้อเพลิงถูกตกเป็นเป้าหมายของสงครามการค้าในครั้งนี้

อย่างไรก็ดี หากมีการเดินหน้าขึ้นภาษีอย่างเต็มรูปแบบ นั่นหมายถึง การที่สินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมดจะถูกเก็บภาษีมูลค่า 5.5 แสนล้านเหรียญ

สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.ย. 62


- สหรัฐฯจะขึ้นภาษีสินค้าจีน 15% มูลค่า 3 แสนล้านเหรียญภายในสิ้นปีนี้เป็นจำนวน 2 รอบ โดยรอบแรก จะเกิดขึ้นตั้งแต่ 1 ก.ย. ประมาณ 1.5 แสนล้านเหรียญ โดยกลุ่มสินค้าเป้าหมายในเดือนก.ย. จะเริ่มตั้งแต่เนื้อวัว และชีส ตลอดจนปากกาและรองเท้า โดยจะมีอัตราที่ระดับ 15% และ 10%

- จีนจะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ 5% ในกลุ่มน้ำมันก่อน ควบคู่กับการค่อยๆเพิ่มการปรับขึ้นจนถึงมูลค่า 7.5 หมื่นล้านเหรียญ หรือมีการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯที่ 5% และ 10% เกือบทั้งหมด 1,717 รายการ

รายงานจาก FOX News – แม้ว่าในเดือนส.ค. จะมีรายงานความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯและจีนจะกลับมาเจรจาทางการค้ากันอีกครั้ง แต่การที่ทั้งสองฝ่ายได้ขึ้นภาษีสินค้าระหว่างกันไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมาก็ได้ส่งผลให้ราคาสินค้าที่ชาวอเมริกาต้องชำระมีมูลค่าสูงขึ้น ทั้งในกลุ่มของเสื้อผ้า, รองเท้า, สินค้ากีฬา และสินค้าอื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้นตาม

โดยเมื่อวานนี้ สหรัฐฯมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีน 15% มูลค่า 1.12 แสนล้านเหรียญ และบ่งชี้ว่ากว่า 2 ใน 3 ของสินค้าผู้บริโภคที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีนจะมีอัตราภาษีที่พุ่งสูงขึ้น แต่ถึงกระนั้น ราคาสินค้าปลีกหลายๆชนิดก็มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นตาม และจะกลายมาเป็นปัจจัยที่กระทบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในเรื่องการใช้จ่าผู้บริโภค และอาจทำให้ภาคธุรกิจมีการปรับลดค่าใช้จ่ายการลงทุนลงมา และการส่งออกชะลอตัวอันเป็นผลกระทบจากภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ซึ่งนักช้อปโดยทั่วไปถือเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ยังเหลือมูลค่าการขึ้นภาษีอีกครั้งในวันที่ 15 ธ.ค. ที่ทีมบริหารของนายทรัมป์กำหนดไว้ ที่อาจมีการขึ้นภาษีครั้งที่สองอีก 15% มูลค่าโดยประมาณ 1.6 แสนล้านเหรียญ ซึ่งหากการขึ้นภาษีดังกล่าวมีผลบังคับใช้ขึ้นมา สินค้านำเข้าจากจีนจะถูกครอบคลุมทั้งหมด รวมทั้งสินค้าทั้งหมดของบริษัท Apple ด้วย

ทีมศึกษาวิจัยจาก J.P. Morgan รบุว่า การขึ้นภาษีรอบล่าสุดของนายทรัมป์จะส่งผลให้ภาคครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1,000 เหรียญ/ปี ซึ่งเป็นผลการวิจัยก่อนที่นายทรัมป์จะประกาศขึ้นภาษีวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. จากอัตราภาษีที่ 10% เป็น 15%

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เติบโตด้วยค่าใช้จ่ายผู้บริโภคเป็นหลัก ก็ดูจะทำให้เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ที่ระดับราวๆ 2% ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงจาก 3.1% ในช่วงไตรมาสแรก และภาพรวมคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวต่อเนื่องจากการชะลอตัวของรายได้ และการที่ภาคธุรกิจเลื่อนการขยายธุรกิจออกไป และราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นที่จะเป็นปัจจัยลบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยจะเห็นได้จากภาคบริษัทต่างๆมีการปรับลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนลงไป และข้อมูลส่งออกก็มีการปรับตัวลงอันเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ที่มา: BBC, FOX NEWS  

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com