• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 21 สิงหาคม 2562

    21 สิงหาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินยูโรค่อนข้างทรงตัวใกล้ระดับ 1.11 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ตลาดให้ความสนไปยังไปการประชุมธนาคารกลางประจำปี ณ เมื่องแจ็คสัน โฮล ปลายสัปดาห์นี้

โดยตลาดจะจับตาการถ้อยแถลงของประธานเฟดจากประชุดังกล่าวเป็นหลัก เพื่อหาแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Credit Agricole คาดการณ์ว่า ตลาดจะเคลื่อนไหวในกรอบตลอดทั้วสัปดาห์จนกว่าจะถึงการประชุมครั้งสำคัญ

ค่าเงินยูโรอ่อนค่า 0.1% แถว 1.1092 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่า 0.1% แถว 98.265 จุด
· ดอลลาร์อาจแข็งค่า หากรายงานประชุมคืนนี้ ไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเพิ่ม

ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโร ขณะที่หุ้นยุโรปจะปรับตัวลดลง หากรายงานการประชุมเฟดคืนนี้ ลดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่วนดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าต่อ เนื่องจากกระแสความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจเริ่มผ่อนคลายลง

เมื่อการประชุมเฟดครั้งล่าสุด นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ได้ลดกระคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย ด้วยการกล่าวว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ ไม่ใช่การเข้าศู่วัฎจักรปรับลดดอกเบี้ยอย่างเต็มตัว แต่เป็นเพียงการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ทางด้านนายแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ได้กล่าวถ้อยแถลงในทำนองเดียวกันเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า การปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจสามารถคงทิศทางเติบโตต่อไปได้ ไม่ได้มาจากมุมมองว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแต่อย่างใด

ตลาดอาจผิดหวังหากท่าทีที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอาจไกลออกไปจากที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ ความผิดหวังดังกล่าวจะทำให้เกิดเป็นความผันผวนและความไม่แน่นอน ซึ่งจะทำให้ตลาดมีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินเยนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความผันผวนดังกล่าวจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอย่างค่าเงินอื่นๆและหุ้น

· ยูโรเคลื่อนไหวผสมผสานหลังการลาออกของนายกฯอิตาลี



เมื่อคืนที่ผ่านมา นายจูเซปเป้ คอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหมายความว่าอิตาลีจะมีจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือจัดการเลือกตั้ง หากเป็นการเลือกตั้ง อาจทำให้นายมัตเตโอ ซัลวินี รองนายกรัฐมนตรี ที่มีคำแนนความนิยมนำอยู่ ณ ปัจจุบัน ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ และผลักดันร่างงบประมาณที่มีแนวโน้มจะไปขัดแย้งกับสหภาพยุโรปอีกครั้งได้

ทั้งนี้ ตลาดกำลังคาดหวังว่าอิตาลีจะมีการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นใหม่แทน เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ดูเสี่ยงน้อยกว่า ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรับบาลอิตาลีปรับร่วงต่อเนื่องนับตั้งแต่การประกาศลาออก แต่ดูเหมือนความไม่แน่นอนดังกล่าวทำให้นักลงทุนลังเลที่จะเปิดสถานะในค่าเงินยูโร โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้าเหตุการณ์สำคัญอย่างการประชุมธนาคารกลางประจำปี ณ เมืองแจ็คสัน โฮล ปลายสัปดาห์นี้

Euro Technical Analysis

ในทางเทคนิค ค่าเงินยูโรระยะสั้นเริ่มชะลอการเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง โดยมีแนวรับแรกที่ 1.10484 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับ 78.6% Fibonacci extensions ขณะที่เส้น RSI กลับบ่งชี้ถึงทิศทางขาลงที่เริ่มอ่อนกำลัง จึงมีความเป็นไปได้ที่ค่าเงินจะเคลื่อนไหวแบบสะสมพลัง

· นักวิเคราะห์จากธนาคาร Societe Generale ระบุว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางของตลาดเกิดใหม่แถบเอเชีย อย่างอินเดีย ไทย ฟิลิปปินส์ และนิวซีแลนด์ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยของพวกเขาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แต่นั่นอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการได้รับความเสียหายอย่างหนักจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตลาดเกิดใหม่เหล่านี้อาจจำเป็นต้องได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มค่าใช้จ่ายของภาครัฐเข้ามาช่วย

การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางจะช่วยลดดอกเบี้ยจากการกู้เงินและเพิ่มเม็ดเงินในตลาด ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการมีการใช้จ่ายและการลงทุนมากขึ้น ในขณะที่การเพิ่มค่าใช้จ่ายของภาครัฐจะช่วยเพิ่มปริมาณอุปสงค์ในสินค้าและบริการ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า Alibaba บริษัท e-commerce ยักษ์ใหญ่ของประเทศจีน ตัดสินใจเลื่อนการจดทะเบียนในตลาดฮ่องกงเป็นมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญ เนื่องจากเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงในฮ่องกง

· รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจญี่ปุ่นและตัวแทนการค้าสหรัฐฯจะจัดการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงการค้าร่วมกันเป็นเวลา 2 วัน โดยจะเริ่มต้นภายในคืนวันพุธนี้ แต่ตลาดกลับมีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ภายในเดือน ก.ย. เริ่มเลือนลางลงไป หลังมีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายยังมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับด้านการเกษตรและด้านยานยนต์

การเจรจาครั้งนี้ยังเป็นวางรากฐานสำหรับการพบกันโดยตรงระหว่างนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะมาพบกันนอกรอบการประชุม G7 ณ ประเทศฝรั่งเศส ปลายเดือนนี้

· รายงานจาก Kitco กล่าวว่า ตลาดให้ความสำคัญกับถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ณ เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายก็มองว่า เฟดน่าจะยังมีท่าทีระมัดระวังและพยายามที่จะไม่กดดันตัวเองมากนักเพื่อหลีกเลี่ยงความหวาดกลัวของกลุ่มผู้บริโภค และเชื่อว่ารายงานเฟดเดือนก.ค. จะเป็นตัวนำก่อนวันศุกร์นี้ โดยการปรับลดดอกเบี้ยในเดืนอก.ค. ดูจะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นความไม่แน่นอนของกลุ่มผู้บริโภค เนื่องจากเพิ่มความกังวลต่อการใช้จ่ายในเวลานี้

· CEO ของ Huawei ระบุว่า บริษัทฯกำลังเผชิญกับภาวะ “อยู่หรือตาย” ท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในถ้อยแถลงต่อพนักงานของบริษัทวันนี้

ในถ้อยแถลงของ CEO ยังระบุถึงการปฏิรูปโครงสร้างภายในบริษัท ซึ่งจะช่วยให้การรายงานผลและการโยกย้ายพนักงานเป็นไปได้ง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

· ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้นเหนือ 60 เหรียญ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบกว่าสัปดาห์ หลังรายงานสต็อกน้ำมันสหรัฐฯออกมาลดลงกว่าที่คาด แต่ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันอยู่

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับ +0.5% แถว 60.35 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากปิดตลาดเมื่อวานนี้ +0.5% ส่วน ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับ +0.45% แถว 56.38 เหรียญ/บาร์เรล

· ราคาน้ำมัน WTI ปรับขึ้นหลังสต็อกน้ำมันสหรัฐฯลดลงผิดคาด และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง



ราคาน้ำมัน WTI มีแรงเข้าซื้อหนุนขึ้นมาแถวระดับ 56.15 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อคืนนี้ หลังการประกาศข้อมูลสต็อกน้ำมันสหรัฐฯจากหน่วนงาน API ออกมาลดลงผิดคาด รวมถึงความตึงเครียดเกี่ยวกับประเด็นอิหร่าน

โดยหน่วยงาน API ประกาศข้อมูลสต็อกน้ำมันสหรัฐฯสำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงสู่ระดับ 3.5 ล้านบาร์เรล จากเดิมที่ 3.7 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯจะมีการดำเนินการที่สอดคล้องกับมาตรการคว่ำบาตรของพวกเขา เพื่อกีดกันไม่ให้อิหร่านสามารถขนส่งน้ำมันทางทะเลไปยังซีเรียได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียประกาศว่า ออสเตรเลียจะเข้าร่วมภารกิจระดับนานาชาติเพื่อช่วยปกป้องการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซ

Technical Analysis

นักวิเคราะห์จาก FX Steet ประเมินว่า ราคาน้ำมันปรับขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วันและกำลังเคลื่อนไหวใกล้เส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณขาขึ้น จึงมีโอกาสที่ราคาจะขึ้นต่อไปถึงระดับ 58 เหรียญ/บาร์เรล ในทางกลับกัน หากราคาปรับลดลงและหลุดแนวรับแรกที่ 52 เหรียญ/บาร์เรล จะมีแนวรับถัดไปที่ 51.70 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com