• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 26 กรกฎาคม 2562

    26 กรกฎาคม 2562 | Economic News



· ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่อีซีบีไม่ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวาระล่าสุด แม้ว่าถ้อยแถลงของเขาจะเป็นการเปิดกว้างต่อการใช้นโยบาย QE มากขึ้นก็ตาม และถึงแม้ค่าเงินยูโรจะแข็งค่ากลับขึ้นมาได้ 0.3% บริเวณ 1.1170 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับต่ำสุดใหม่รอบ 2 เดือนที่ 1.1120 ดอลลาร์/ยูโรวานนี้ แต่บรรดานักลงทุนก็ยังมองว่ายูโรยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงได้อีกจากโอกาสที่อีซีบีจะดำเนินการผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นในอนาคต




นักวิเคราะห์มองว่า การที่อีซีบียังไม่ปรับลดดอกเบี้ย ก็ดูจะส่งผลให้เกิดการทำ Cover Short ในค่าเงินยูโร ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานอีซีบีล่าสุดดูเหมือนจะเห็นความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยระดับต่ำของเศรษฐกิจยูโรโซนแต่การรีบาวน์ในช่วงครึ่งปีหลังก็มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลง พร้อมกันนี้เขาเองดูจะยังกังวลกับเงินเฟ้อระดับต่ำ



ดัชนีดอลลาร์เมื่อวานนี้ปิด +0.1% ที่ระดับ 97.81 จุด ตอบรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ และกดดันให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.3% ที่ระดับ 108.47 เยน/ดอลลาร์

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกปรับลดลงหลังนายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี ส่งสัญญาณจะใช้นโยบายการเงินสนับสนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนที่กำลังชะลอตัว กลับมามีภาวะที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวนั้น ยังอยู่ใน “ระดับต่ำ”

โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีอายุ 10 ปีปรับลดลงหลุดระดับ 0% ทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -0.412% หลังตลาดรับทราบถ้อยแถลง ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีก็ถูกกดดันลงมาแถวระดับ 2.02%



อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบพันธบัตรรีบาวน์กลับขึ้นมา หลังนายดรากี้ระบุว่า ยังมีคณะกรรมการอีซีบีบางส่วนที่ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นของการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆนี้ เนื่องจากความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวยังอยู่ใน “ระดับต่ำ” ส่งผลให้ตลาดตอบรับถ้อยแถลงของดรากี้ไปในทิศทางผสมผสานกัน



· รายงานจาก BBC ระบุว่า การประชุมอีซีบีเมื่อวานนี้ยังคงกล่าวย้ำถึงการจะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจยูโรโซนที่เผชิญกับการชะลอตัว ในขณะที่ภาคการผลิตอ่อนแอ และยังมีความไม่แน่นอนในกรณี Brexit พร้อมกับภัยคุกคามทางการค้าที่ดูจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจยูโรโซน ในขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่า 2% ณ ปัจจุบันอีซีบีมีระดับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ระดับ -0.4% และดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 0.25%

อย่างไรก็ดี อีซีบีตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ และคาดว่าจะคงดอกเบี้ยหรือปรับลดดอกเบี้ยไปจนกว่าจะถึงช่วงกลางปี 2020 พร้อมกันนี้อีซีบีกำลังมีการพิจารณาถึงมาตรการอื่นๆที่จะเข้ามาสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วยการกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินหรือ QE, การใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดขนาดและองค์ประกอบของการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่


รายงานจาก CNBC ระบุว่า เมื่อการประชุมอีซีบีสิ้นสุดลงโดยแนวโน้มที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ย ตลาดก็กลับมาให้ความสนใจต่อการประชุมเฟดสัปดาห์หน้าที่ถูกคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงประมาณ 0.25% แม้ว่าบางรายจะคาดถึงโอกาสเห็นเฟดลดดอกเบี้ยลงไปมากกว่านั้นคือ 0.50%

· นายไคล์ บาสส์ ผู้บริหารกองทุนเฮดฟัจด์ประจำสถาบัน Hayman Capital Management มีความเห็นว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะไม่เกิดขึ้น รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดก็มีประสิทธิภาพตกต่ำลงในปัจจุบัน

โดยเขากล่าวว่า นับตั้งแต่ที่จีนเข้าร่วม WTO ในปี 2001 จีนก็ไม่เคยรักษาที่ให้ไว้กับสหรัฐฯได้เลยสักอย่างเดียว ขณะที่ทีมตัวแทนการค้าของสหรัฐฯจะเดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อเจรจาภายในสัปดาห์หน้า โดยนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯระบุว่า ยังมีปัญหาทางการที่ค้างคาอยู่อีกมาก



ตลาดกำลังจับตาการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบหหลายปี อย่างไรก็ตาม นายไคล์ กลับมองว่า การปรับลดดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่ถูกปรับลงไปที่ระดับ 0% มาก่อนแล้ว การปรับลดดอกเบี้ยครั้งต่อไปก็จะสูญเสียประสิทธิภาพในการช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจ และในปี 2020 จะมีโอกาสเห็นถึงสัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชัดเจนที่สุด เมื่อนั้นเศรษฐกิจสหรัฐฯก็จะเข้าสู่ช่วงแรกเริ่มของภาวะชะลอ และอัตราดอกเบี้ยก็มีโอกาสที่จะปรับลงมาสู่ระดับ 0% อีกครั้ง


· รายงานจากฝั่งเกาหลีเหนือ หลังจากการยิงทดสอบขีปนาวุธจำนวน 2 ลูก นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ออกมาเปิดเผยว่า เป็นการทดสอบขีปนาวุธรุ่นใหม่ และเพื่อข่มขู่เกาหลีใต้ที่เป็นพวก “กระหายสงคราม” ให้หยุดการนำเข้าอาวุธและยกเลิกการซ้อมรบร่วม

ทางกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดการกระทำใดๆที่เป็นการข่มขู่ แต่ยังคาดหวังว่าสหรัฐฯและเกาหลีเหนือจะกลับเจรจาในระดับชั้นปฏิบัติการร่วมกันได้อีกครั้ง โดยนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ คาดหวังว่า การเจรจาครั้งใหม่ระหว่างทั้งสองฝ่ายอาจเกิดขึ้นใน “อีกไม่กี่สัปดาห์” ข้างหน้า

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นวานนี้ท่ามกลางความตึงเครียดตะวันออกกลางและการร่วงลงครั้งใหญ่ของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ แต่การปรับขึ้นก็เป็นไปอย่างจำกัด จากข้อมูลภาคการผลิตทางฝั่งตะวันออกที่อ่อนแอ และยิ่งตอกย้ำภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นอุปสงค์พลังงานปรับตัวลง


น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 28 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.4% ที่ระดับ 63.46 เหรียญ/บาร์เรล หลังร่วงลงไปกว่า 1% ในวันก่อน และถือเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 14 เซนต์ หรือ +0.3% ที่ระดับ 56.02 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 1.6% ในวันก่อนหน้า



กระทรวง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงไปเกือบ 11 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลง 4 ล้านบาร์เรล



อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบมีแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวการณ์ชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกท่ามกลางสัญญาณ Trade-War สหรัฐฯและจีนที่ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงหลังจากที่มีปัญหากันมานานนับตั้งแต่ปีที่แล้ว แม้ว่าข่าวล่าสุดที่ทั้งสองฝ่ายจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งและหนุนตลาดหุ้นก็ตาม



· สำหรับกรณีความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า เขายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเดินทางไปยังอิหร่านเพื่อเจรจาหากมีความจำเป็น


รายงานจาก Reuters ระบุว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อิหร่านอาจมีการทดสอบขีปนาวุธพิสัยระยะกลางจำนวน 1 ลูก แต่การทดสอบขีปนาวุธดังกล่าว ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเส้นทางการขนส่งสินค้า ทรัพย์สิน หรือบุคลากรของสหรัฐฯแต่อย่างใด


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com