• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2562

    25 กรกฎาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวในแดนลบใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ก่อนทราบการประชุมอีซีบี ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินในคืนนี้

มุมมองต่อเศรษฐกิจยูโรอ่อนแอลงอย่างมาก หลังการประกาศตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีที่ชะลอตัวลงด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบ 7 ปี ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจฝรั่งเศสชะลอตัวลงผิดคาด จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปปรับตัวลดลง

ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวแถวระดับ 1.11350 ดอลลาร์/ยูโร หลังทำระดับต่ำสุดที่ 1.11270 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.

สำหรับภาพรวมรายเดือน ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงกว่า 2% ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับโอกาสที่อีซีบีจะผ่อนคลายนโยบายการเงินตามธนาคารกลางอื่นๆทั่วโลก ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังอ่อนแอลงจากสงครามการค้าระหว่งาสหรัฐฯ-จีน

· ตลาดคาดโอกาส 48% ที่อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.10% สู่ระดับ -0.5% ในการประชุมคืนนี้ แต่ถ้าไม่ทำการปรับลดดอกเบี้ย ก็คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.ย. แทน


· ด้านค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนแถว 108.130 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 108.290 เยน/ดอลลาร์


ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 97.725 จุด หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ ที่ 97.810 จุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา



· ค่าเงินยูโรปิดตลาดเมื่อคืนในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ท่ามกลางกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของอีซีบี

โดยการประชุมอีซีบีคืนนี้ ถูกคาดว่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย แต่จะมีการส่งสัญญาณถึงการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนต่อๆไป ซึ่งทางธนาคาร UBS ประเมินว่า อีซีบีจะปรับลดดอกเบี้ย 0.10% ในการประชุมวันที่ 12 เดือน ก.ย. และจะปรับลดอีก 0.10% ในวันที่ 12 เดือน ธ.ค. (หรืออาจเร็วกว่าที่คาด คือวันที่ 24 ต.ค.)

ขณะเดียวกัน ทาง ING มองว่าอีซีบีมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้อยู่บ้าง เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจยูโรโซนที่ออกมาอ่อนแอติดต่อกัน อาจกดดันให้อีซีบีตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด

ในช่วงสายของตลาดเอเชียวันนี้ ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวแถว 1.1134 ดอลลาร์/ยูโร โดยในกราฟรายวันจะเห็นได้ถึงทิศทางขาลงที่ชัดเจน หากค่าเงินเคลื่อนไหวตามแนวโน้มขาลงต่อ จะมีโอกาสลงไปถึงระดับ 1.11 ดอลลาร์/ยูโร ในทางกลับกัน ค่าเงินจะกลับเป็นขาขึ้นในระยะสั้นได้ ต่อเมื่อยืนเหนือระดับ 1.1286 ดอลลาร์/ยูโร

· กระทรวงกลาโหมจีนระบุว่า เป็นไปได้ที่รัฐบาลจะสั่งเคลื่อนกำลังพลทหารในพื้นที่ฮ่องกง เพียงแต่ต้องได้รับคำขอจากรัฐบาลฮ่องกงโดยตรงเท่านั้น ท่ามกลางเหตุประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมาเป็นเกือบ 2 เดือนและยังคงเกิดเหตุประทะกันอย่างต่อเนื่อง


· จากการที่นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี ได้เคยส่งสัญญาณว่า พร้อมที่จะใช้ “ทุกเครื่องมือที่มี” ในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่ยังชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดเชื่อมั่นว่า อีซีบีจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอย่างแน่นอน คำถามที่เกิดขึ้นตามมาคือ จะเกิดขึ้นในการประชุมคืนนี้เลยหรือไม่?

กระแสคาดการณ์ต่างแตกกันออกไป ว่าอีซีบีจะดำเนินนโยบายตอบโต้เฟดที่ส่งสัญยาณผ่อนคลายนโยบายจนทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และหนุนให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น จนสร้างความเสียเปรียบทางการค้าให้กับผู้ประกอบการในยูโรโซน รวมถึงกดดันให้อัตราเงินเฟ้อยิ่งซบเซาลงไปอีก

โดยทั่วไปแล้ว ตลาดคาดการณ์กันว่า อีซีบีจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินในถ้อยแถลงหลังการประชุมคืนนี้ ก่อนที่การปรับลดดอกเบี้ยจริงๆ อาจเกิดขึ้นในเดือน ก.ย.

นักวิเคราะห์จาก Berenberg ระบุว่า เพื่อตอบโต้การชะลอตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ยังซบเซา อีซีบีมีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายในการประชุมคืนนี้ โดยอาจให้ถ้อยแถลงเชิง จะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ใน “ระดับปัจจุบันหรือต่ำกว่า” มากกว่าที่จะใช้แค่คำว่า “ระดับปัจจุบัน”

· เป็นเวลาผ่านมาหลายปีที่บรรดาบริษัทสัญญาชาติต่างพากันไปจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ แทนที่จะจดทะเบียนในจีนหรือฮ่องกง แต่ปัจจุบัน เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ดูจะตึงเครียดมากยิ่งขึ้น อาจทำให้บรรดาบริษัทเหล่านี้กลับมาจดทะเบียนที่จีนหรือฮ่องกงมากขึ้น

หลังจาก Alibaba ได้จดทะเบียนลงในตลาดสหรัฐฯด้วยระดับ IPO ที่มากเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2.5 หมื่นล้านเหรียญ ล่าสุดมีรายงานว่า ทางบริษัทฯกำลังพิจารณาจดทะเบียนรองในตลาดฮ่องกง ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Haitong International Securities มองว่า หากดำเนินเช่นนั้นจริง จะมีบริษัทจีนอีกมากมายที่จะดำเนินการตาม เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาได้ว่า สหรัฐฯจะมีมาตรการเช่นไรกับบริษัทจีนที่จดทะเบียนให้สหรัฐฯ

· ผลสำรวจโดย Reuters พบว่า บรรดานักวิเคราะห์ต่างมีมุมมองว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยปลายเดือนนี้ลง 0.25% เป็นที่ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ท่ามแล้วความเสี่ยงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

ทั้งนี้ 95% ของนักวิเคราะห์ทั้งหมด 111 คน คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. นี้ เพียง 2 คนที่คาดว่าจะปรับลดลง 0.50% และอีก 2 คนที่มองว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย

สำหรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ผ่านมา นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอการเติบโตลงสู่ระดับ 1.8% ในช่วงเดือน เม.ย. – มิ.ย. จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ 3.1% และยังคาดว่าเศรษฐกิจจะคงอัตราการเติบโตในระดับนี้ต่อไปในแต่ละไตรมาสจนถึงสิ้นปี 2020

สำหรับจังหวะการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเป็นในช่วงเดือน ก.ค. ก.ย. และ ธ.ค. ปีนี้ ส่วนภายหลังจากนั้น คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ปีหน้าจนถึงปี 2021

· ตัวแทนประเทศในอียูทั้ง 28 ประเทศ ร่วมกับตัวแทนประเทศในอเมริกาใต้อีก 4 ประเทศ ซึ่งได้แก่ บราซิล ปารากวัย อุรุกวัย และอาร์เจนติน่า สามารถหาข้อสรุปของข้อตกลงทางการค้าที่เจรจามาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ได้ในเดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า ข้อตกลงตัวนี้จะได้รับความเห็นชอบจากทุกๆฝ่ายหรือไม่ เนื่องจากข้อตกลงตัวนี้สร้างความกังวลให้กับประเทศที่มีจุดเด่นในด้านการเกษตรอย่างฝรั่งเศสและไอร์แลนด์ จึงทำให้ไม่มีความแน่นอนว่า ข้อตกลงจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาของแต่ละประเทศมากแค่ไหน

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางตะวันออกกลาง รวมทั้งภาพรวมรายสัปดาห์ของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี การปรับตัวสูงขึ้นเป็นไปได้อย่างจำกัด โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอจากสัญญาณการชะลอตัวที่เพิ่มขึ้นของการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ที่ะรดับ 63.46 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% ที่ระดับ 56.15 เหรียญ/บาร์เรล

กรรมการผู้จัดการประจำ Frame Funds ระบุว่า ราคาได้รับแรงหนุนจากการลดการผลิตของกลุ่มโอเปก ความไม่แน่นอนทางการเมือง ขณะที่ถูกกดดันจากปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นและการชะลอของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ภาพรวมความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนในตลาดน้ำมันมืดหม่นเนื่องจากเหล่านักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอาจจะกดดันปริมาณอุปสงค์น้ำมัน

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com