• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2562

    10 กรกฎาคม 2562 | Economic News




· ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงหลุด 1.12 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางการแข็งค่าของดอลลาร์ ที่นักลงทุนเริ่มลดกระแสการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่ว่าที่ประธานอีซีบีคนต่อไป อย่าง นางคริสติน ลาร์การ์ด ก็ยังคงเป็นหัวข่าวสำคัญในเวลานี้ เนื่องจากถูกมองว่าเธอจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้เร็วกว่าเฟด โดยค่าเงินยูโรปรับลงไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิ.ย. บริเวณ 1.1193 ดอลลาร์/ยูโร


ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ 97.47 จุด หลังไปทำระดับสูงสุดตั้งแต่ 19 มิ.ย. บริเวณ 97.588 จุดเมื่อคืนนี้ ด้านเครื่องมือ FedWatch Toolของ CME Group สะท้อนว่า เฟดมีโอกาสเพียง 4.9% จาก 25% ที่จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ด้วยอัตรา 0.50% ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนมองโอกาสที่เพิ่มขึ้นว่าเฟดน่าจะไม่ทำการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มในการประชุมเดือนก.ย.


แต่ภาพรวมของการประชุมเดือนนี้ ตลาดส่วนใหญ่กว่า 95% ยังเชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ขณะที่ FedWatch มองโอกาส 75% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 30-31 ก.ค.นี้


อย่างไรก็ดี ตลาดให้ความสำคัญกับถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดที่จะกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสที่เริ่มวันนี้เป็นวันแรก ที่มีการประเมินกันว่าน่าจะส่งผลให้เทรดเดอร์มีการลดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยได้


ค่าเงินปอนด์ยังคงอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดใหม่รอบ 6 เดือนที่ 1.2457 ดอลลาร์/ปอนด์ จากความกังวล Brexit ที่เพิ่มขึ้นว่าจะส่งผลให้บีโออีต้องตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลง

· นายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแห่งทำเนียบขาว ยืนยันว่า ทางทีมบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังไม่มีการดำเนินการใดๆที่เกี่ยวกับการปลดนายเจอโรม โพเวลล์ ออกจากตำแหน่งประธานเฟด ณ ตอนนี้ ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่า ตำแหน่งของนายโพเวลล์จะปลอดภัย อย่างน้อย “ในช่วงนี้”

· เมื่อวานนี้ นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าสหรัฐฯ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ และ นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน ได้มีการเจรจาการค้าร่วมกันผ่านทางโทรศัพท์ แม้จะยังไม่มีรายงานความคืบหน้าใดๆ แต่ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันว่า จะเจรจาต่อไปตามความเหมาะสม

ทางด้านนายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแห่งทำเนียบขาว เมื่อวานนี้ ได้กล่าวว่า “มีความจำเป็นอย่างยิ่ง” ที่ทางจีนต้องคงการเข้าซื้อสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯตามที่ตกลงกันไว้ ในขณะที่การเจรจากำลังดำเนินต่อไป

· นายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลจะออกใบอนุญาตให้บริษัทที่ต้องการซื้อขายสินค้ากับ Huawei ในเร็วๆนี้ ซึ่งสินค้าดังกล่าวต้องไม่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บรรดาบริษัทยังไม่มีความมั่นใจว่าสินค้ากลุ่มใดจะได้รับการอนุญาตให้สามารถซื้อขายได้

· รัฐบาลจีนออกมาตอบโต้กรณีที่สหรัฐฯอาจตกลงขายอาวุธให้กับไต้หวันเป็นมูลค่า 2.2 พันล้านเหรียญ ซึ่งประกอบไปด้วย รถถัง ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน และยุทโธปกรณ์อื่นๆ โดยระบุว่าเป็นการแทรกแซงการเมืองภายในประเทศจีน ขัดแย้งกับนโยบาย One-China และบั่นทอนความมั่นคงของประเทศ

ขณะที่ทางสำนักประธานาธิบดีของไต้หวัน มีการเขียนข้อความขอบคุณสหรัฐฯ ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านการป้องกันประเทศให้กับเกาะไต้หวัน

· ทีมบริหารของนายทรัมป์ เผยว่า นายทรัมป์มีการข่มขู่จะใช้การวีโต้ต่อร่างกฎหมายด้านความมั่นคง เพื่อให้มีเม็ดเงินอย่างน้อยเพียงพอต่อเขาที่ต้องการเพิ่มให้แก่กำลังทหาร และการสร้างกำแพงพรมแดนที่ยังคงมีเสียงคัดค้านจากฝ่ายต่อต้านนโยบายดังกล่าว

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความประกาศว่า การที่อินเดียขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อีกต่อไป




หลังทวีตข้อความดังกล่าว ดัชนี iShares MSCI India (INDA) ETF ปรับลดลงกว่า 1% ในช่วงก่อนเปิดตลาด ก่อนที่จะฟื้นกลับมาเคลื่อนไหวทรงตัว

ทั้งนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สหรัฐฯประกาศนำอินเดียออกจากบัญชีรายชื่อคู่ค้าคนสำคัญ ที่ช่วยให้อินเดียได้รับการละเว้นภาษีจากการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯได้เป็นมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ โดยนายทรัมป์ได้ระบุว่า เนื่องจากการค้าขายร่วมกับอินเดียนั้น ทางสหรัฐฯไม่ได้รับผลตอบแทนที่ยุติธรรม และไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าถึงตลาดอินเดีย

ขณะที่ทางอินเดียมีการขึ้นภาษีสินค้าของสหรัฐฯ อย่างเช่น รถจักรยานยนต์ของ Harley-Davidson หรือ แอปเปิ้ลที่ปลูกในสหรัฐฯ และในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา นายทรัมป์ระบุว่า ระดับภาษี 50% ที่อินเดียเรียกเก็บจากรถจักรยานยนต์ของ Harley-Davidson เป็นเรื่อง “ยอมรับไม่ได้”

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นท่ามกลางการลดลงของอุปทานน้ำมันและความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ยังคงทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ยืนเหนือ 64 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่การปรับขึ้นของราคาถูกจำกัดจากข้อพิพาททางการค้าของสหรัฐฯละจีน และฉุดภาวะเศรษฐกิจโลกให้อ่อนตัว รวมทั้งกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน

โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 16 เซนต์ ที่ 64.27 เหรียญ/บาร์เรล และ WTI ปิดปรับขึ้น 5 เซน์ ที่ระดับ 57.71 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com