• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2562

    1 กรกฎาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินหยวนแข็งค่า ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากตลาดกลับมามีความต้องสินทรัพย์เสี่ยงที่แข็งแกร่งอีกทั้ง จากกรณีที่สหรัฐฯ-จีนสามารถตกลงที่จะกลับมาเจรจาการค้าร่วมกันอีกครั้งได้

โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน แข็งค่า 0.37% แถว 108.28 เยน/ดอลลาร์ หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุด 108.49 เยน/ดอลลาร์

ด้านค่าเงินหยวนแข็งค่า 0.46% แถว 6.8365 หยวน/ดอลลาร์ โดยในช่วงต้นตลาดทำระดับแข็งค่าสุดที่ 6.8157 หยวน/ดอลลาร์

· นักกลยุทธ์จาก Daiwa Securities มีมุมมองว่า ตลาดคาดการณ์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในการประชุม G20 ส่วนใหญ่เอาไว้แล้ว แต่การผ่อนมาตรการคว่ำบาตร Huawei ถือเป็นเรื่องสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดค่อนข้างมาก ขณะที่ดูเหมือนจะมีการถือครองสถานะ Short ในดอลลาร์มากกว่าที่คิด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากหลังจบการประชุม

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของดอลลาร์น่าจะเริ่มชะลอตัวลง เมื่อเข้าใกล้การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯในคืนวันศุกร์สัปดาห์นี้

· นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ประกาศในคืนวันศุกร์สัปดาห์นี้ จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่ง จากเดิมในเดือน พ.ค. ที่การจ้างงานเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง


ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ตลาดจะจับตาอีกตัวหนึ่ง คือ ดัชนีวัดกิจกรรมภาคอุตสาหกรรมโดย ISM (ISM non-manufacturing activity index) ซึ่งจะประกาศในคืนวันพุธ

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน หนุนให้ดัชนีดอลลาร์ปรับสูงขึ้น 0.24% แถวระดับ 96.359 จุด

· ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.14% แถว 1.1352 ดอลลาร์/ยูโร


· รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเพิ่มมาตรการจำกัดการส่งออกสินค้ากลุ่มหน้าจอโทรศัพท์มือถือและชิปประมวลผลไปยังเกาหลีใต้ เพื่อการตอบโต้กรณีที่ศาลยุติธรรมเกาหลีใต้ตัดสินให้ Nippon Steel Corp ที่เป็นผู้ผลิตเหล็กของญี่ปุ่นจ่ายค่าเสียหายให้กับโจทก์ชาวเกาหลีใต้ที่อ้างว่าถูกบริษัทใช้แรงงานอย่างผิดกฏหมายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 ก.ค. และจะมีผลต่อไปอีกหลายเดือน ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตโทรศัพท์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ อย่าง Samsung Electronics, SK Hynix และ LG Electronics ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นอ้างว่า จำเป็นต้องดำเนินการ เพราะรัฐบาลเกาหลีใต้ละเลยในการแก้ไขคดีใช้แรงงานในช่วงสงครามโลก แต่กลับให้ทาง Nippon Steel Corp เป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหาย

· รัฐมนตรีกระทรวงการค้าแห่งเกาหลีใต้ ออกมาตอบโต้การดำเนินการของญี่ปุ่น พร้อมระบุว่าเป็นการละเมิดของตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลกระทรวงการคลังเกาหลีใต้กำลังมีการเจรจากับตัวแทนญี่ปุ่นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแล้วในวันนี้

· บรรดาผู้นำประเทศในสหภาพยุโรปยังคงไม่สามารถหาข้อตกลงเกี่ยวกับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรปต่อจากนายฌ็อง-คอล์ด จุงเกอร์ ประธานคนปัจจุบัน แม้จะใช้เวลาทั้งคืนในการประชุมตั้งแต่วันอาทิตย์ก็ตาม

สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มจะได้ดำรงตำแหน่งประธานคนต่อไปยังคงเป็นนายฟรานส์ ทิมเมอร์แมนส์ นักสังคมนิยมชาวเนเธอแลนด์ ซึ่งแนวคิดที่หาผู้มาดำรงตำแหน่งประธานเกิดขึ้นอย่างฉุกเฉิน หลังมีข้อตกลงนอกรอบการประชุม G20 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

· นายริชาร์ด คลาริด้า รองประธานเฟด กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังอยู่ใน ”ระดับที่ดี” แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้นายริชาร์ดยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อการที่สหรัฐฯ-จีนตกลงที่จะกลับมาเจรจาการค้ากันอีกครั้ง แต่บรรดาสมาชิกเฟดก็เริ่มมีมุมมองสนับสนุนให้ใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินกันมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

· การประชุมของกลุ่มโอเปคและประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่จัดขึ้นระหว่างวันนี้จนถึงพรุ่งนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะประกาศขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิต โดยรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระบุว่า “อาจจำเป็น” ต้องขยายระยะเวลาของมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปอีก 9 เดือน แต่ไม่จำเป็นต้องปรับลดกำลังลงไปมากกว่านี้

· ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นกว่า 1 เหรียญ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปคและผู้ผลิตรายใหญ่มีแนวโน้มจะประกาศขยายระยะเวลาของมาตรการลดกำลังการผลิตออกไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2019 ในการประชุม ณ กรุงเวียนนา สัปดาห์นี้

โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือน ก.ย. ปรับสูงขึ้น 2.7% แถว 66.46 เหรียญ/บาร์เรล ระหว่างทำระดับสูงสุดที่ 66.63 เหรียญ/บาร์เรล

ส่วนราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับสูงขึ้น 2.6% แถว 59.99 เหรียญ/บาร์เรล ระหว่างทำระดับสูงสุดที่ 60.13 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์

ล่าสุดทางอิหร่านออกมาแสดงการสนับสนุนมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ตามซาอุดิอาระเบีย อิรัก และรัสเซียแล้ว



· นักวิเคราะห์จาก DailyFX มองทิศทางราคาน้ำมัน WTI ที่ทรงตัวต่ำกว่าแนวต้าน 60.95 - 60.39 เหรียญ/บาร์เรล และสัญญาณ RSI สะท้อนเป็นเชิงลบ มีการ Divergence เตือนถึงภาวะการขึ้นที่ยังไม่เต็มที่ในเวลานีี้ และนั่นอาจหมายถึงการเห็นราคาปรับตัวลงต่อได้ ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบ Break 57.24 เหรียญ/บาร์เรลลงมา ก็มีโอกาสกลับลงไปแถว 55.37 - 54.55 เหรียญ/บาร์เรล ในทางตรงข้ามหากยืนเหนือแนวต้านก็มีโอกาสกลับทดสอบเป้าหมายบริเวณ 63.59 - 64.43 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com