• ผลลัพธ์ 3 กรณีของการเจรจาสหรัฐฯ-จีนในที่ประชุม G20

    25 มิถุนายน 2562 | Economic News


นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ทั้งคู่ถูกคาดการณ์ว่า จะมาพบกันโดยตรงระหว่างการประชุม G20 ที่จะจัดขึ้นปลายสัปดาห์นี้ ท่ามกลางทุกๆสายตาในตลาดที่กำลังจดจ้องไปยังการเจรจาของทั้งสองผู้นำ ว่าจะสามารถหาข้อตกลงที่จะมาหยุดข้อขัดแย้งทางการค้าได้หรือไม่

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากสถาบัน Evercore ISI คาดการณ์ ผลลัพธ์ของการเจรจาไว้ 3 กรณี โดย กรณีที่ 1) คือ สหรัฐฯตกลงที่จะชะลอการขึ้นภาษีจีนเพิ่มเติมออกไปโดยไม่มีกำหนด กรณีที่ 2) คือ สหรัฐฯเลื่อนการขึ้นภาษีออกไปโดยมีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน และ กรณีที่ 3) คือ สหรัฐฯไม่มีการกล่าวถึงการขึ้นภาษีเพิ่มเติม ซึ่งอาจบ่งชี้สหรัฐฯมีแนวคิดที่จะประกาศขึ้นภาษี อย่าง”เร็วที่สุด”






กรณีที่ 1: สหรัฐฯตกลงที่จะชะลอการขึ้นภาษีจีนเพิ่มเติมออกไปโดยไม่มีกำหนด ยืนยันกลับมาเจรจาอีกครั้ง (โอกาสเกิด 45%)

กรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด โดยเป็นการที่สหรัฐฯประกาศจะชะลอการขึ้นภาษีจีนมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญออกไปอย่างไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ทั้งสองฝ่ายจัดการเจรจาครั้งใหม่ตามมา ขณะเดียวกันก็จะเกิดความไม่แน่นอนในตลาดทั้งสหรัฐฯ จีน และทั่วโลก เพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ที่สหรัฐฯจะกลับมาขึ้นภาษี แต่กรณีนี้จะทำให้ฝั่งสหรัฐฯมีความยืดหยุ่นมากที่สุด



กรณีที่ 2: สหรัฐฯเลื่อนการขึ้นภาษีออกไปโดยมีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ยืนยันกลับมาเจรจาอีกครั้ง (โอกาสเกิด 35%)

เป็นกรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุดรองลงมา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะกลับมาเจรจากัน ในขณะที่สหรัฐฯเลื่อนการขึ้นภาษีออกไป โดยมีกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน

คาดโอกาสเกิดกรณีนี้ไว้ที่ 35% และน่าจะเป็นกรณีที่ฝั่งจีนและตลาดหุ้นชื่นชอบมากที่สุด เพราะจะเปรียบเสมือนการเปิดช่องว่างให้ “พักหายใจ” รวมถึง “มีความชัดเจน” ต่อกรอบระยะเวลาของการเจรจาที่จะเกิดขึ้นตามมา แต่ในขณะเดียวกัน ทางสหรัฐฯจะถูกกรอบเวลาดังกล่าวกดดัน และสูญเสียความยืดหยุ่นในการเจรจา



กรณีที่ 3 : สหรัฐฯ-จีนไม่กล่าวถึงการขึ้นภาษีเพิ่มเติม บ่งชี้ว่าจะประกาศขึ้นภาษีอย่าง”เร็วที่สุด” (โอกาสเกิด 20%)

นี่เป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นต่อฝั่งจีนและตลาด เนื่องจากจะเป็นอีกปัจจัยที่กดดันการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และตอกย้ำความกังวลของนักลงทุน ว่าสงครามการค้าของทั้งสองฝ่ายอาจยืดเยื้อออกไปเป็นระยะเวลาที่นานกว่าเดิม

กรณีนี้ยังบ่งชี้ว่า สหรัฐฯจะเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้าน้เข้าจากจีนอีก 10% เป็นมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญ และเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งเดียวที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศจะพอช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาดได้ คือการที่พวกเขาพยายามรักษาการติดต่อกันเอาไว้

สำหรับกรณีนี้ สินทรัพย์ที่น่าจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด คือ ทองคำและพันธบัตร ขณะที่ตลาดหุ้นจะถูกกดกันลงมาอย่างหนัก โดยล่าสุด ตลาดทองคำมีการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรง และขึ้นไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2013 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนก็พากันเข้าซื้อพันธบัตร ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับร่วงลงทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2016

กรณีดังกล่าวมีโอกาสขึ้นน้อยที่สุด ที่ 20% และนักวิเคราะห์บางส่วนยังมองว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น เมื่อพิจารณาจากสภาพของเศรษฐกิจในและจุดยืนทางการเมืองของทั้งสองฝ่ายในปัจจุบัน



ที่มา : CNBC


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com