• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 10 มิถุนายน 2562

    10 มิถุนายน 2562 | Economic News



· ดัชนีดอลลาร์ปิดร่วงลงในคืนวันศุกร์จากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ออกมาน่าผิดหวังของสหรัฐฯ โดยมีการจ้างงานเพิ่มเพียง 75,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. จากคาดการณ์ที่จะเห็นจ้างงานเพิ่มขึ้นแถว 180,000 ตำแหน่ง และนั่นกดดันให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.47% ที่ระดับ 96.59 จุด





และภาพรวมวันศุกร์ดูจะทำให้ตลอดสัปดาห์อ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่เดือนธ.ค. อันเป็นผลมาจากเฟดที่น่าจะตัดสินใจใช้นโยบายปรับลดดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับปัญหาความตึงเครียดกรณี Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน และการอ่อนค่าของดอลลาร์ที่ลงไปทำอ่อนค่ามากสุดในรอบกว่า 2 เดือน ก็ดูจะทำให้ค่าเงินยูโรกลับมายืนเหนือ 1.13 ดอลลาร์/ยูโรได้



นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังคงมีแรงหนุนมาตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาที่อีซีบีดูจะส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้ และยังอาจเห็นอีซีบีเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าได้ พร้อมเปิดกว้างสำหรับการเข้าซื้อสินทรัพย์อย่างพันธบัตรเพิ่มขึ้น จากปัญหา Trade War และข้อตกลง Brexit ที่ดูเป็นปัจจัยลบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน



ค่าเงินยูโรปิดอ่อนตัวลงเล็กน้อย 0.55% ที่ระดับ 1.1337 ดอลลาร์/ยูโร แต่ภาพรวมปรับแข็งค่าขึ้นไปแล้วกว่า 0.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาและถือเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ย. ปีที่แล้ว ที่มีการปรับแข็งค่าประมาณ 1.1%





ค่าเงินเปโซของเม็กซิโกปรับแข็งค่าขึ้น 0.46% ที่ระดับ 19.6 ดอลลาร์/เปโซ หลังผู้นำสหรัฐฯมีการทวิตเตอร์ข้อความที่ระบุว่าเม็กซิโกอาจหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีได้จากการที่สหรัฐฯจะเข้าซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นในระดับสูง แต่หากเม็กซิโกไม่อาจบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ ทางเม็กซิโกจะโดนขึ้นภาษีนำเข้า 5% ในวันจันทร์นี้

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีกครั้งหลังจากที่พบกับผู้นำจีนในการประชุม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนนี้

ทั้งนี้ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯพยายามยุติการขึ้นภาษีดังกล่าว หากว่าผู้นำจีนมีความตั้งใจที่จะร่วมหาข้อตกลงในทิศทางที่ถูกต้องในการปฏิรูปโครงสร้างทางการค้าและความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ



นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวปกป้องนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการดำเนินสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน พร้อมระบุว่า ทีมบริหารพร้อมจะใช้เครื่องมือทางการค้าทุกอย่างที่สหรัฐฯมี ในการกดดันให้จีนยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ


· ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน จากสถาบันการเงินรายใหญ่ในสหรัฐฯอย่าง BlackRock เผยว่า ภาพรวมยังมีโอกาสเห็นสหรัฐฯและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ในช่วงประมาณสิ้นปีนี้ แต่ก็อาจไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนเพิ่ม และถึงจะมีข้อตกลงทางการค้าก็ดูจะไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศได้

นายรัสเซล วอชท์ รักษาการแทนตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานการจัดการและงบประมาณประจำทำเนียบขาวแห่งสหรัฐฯ เขียนจดหมายเรียกร้องต่อนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อร้องขอให้เลื่อนการคว่ำบาตร Huawei ออกไป แต่ยังไม่มีรายงานว่าจดหมายดังกล่าวได้รับการตอบรับเช่นไร



· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯค่อนข้างตื่นเต้นกับข้อตกลงกับทางเม็กซิโกที่จะยกระดับการยับยั้งผู้อพยพที่เข้าสู่ประเทศสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯก็อาจจะกลับมาพิจารณาขึ้นภาษีสินค้านำเข้าต่อเม็กซิโกได้ใหม่หากพบว่าผลลัพธ์นั้นไม่เป็นที่น่าพอใจนัก

· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของแคนาดา กล่าวว่า แคนาดากำลังเผชิญกับทางตันของความสัมพันธ์กับทางจีน หลังจากที่เกิดความตึงเครียดทางการทูตในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านามา นับตั้งแต่ที่นางเมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ยถูกคุมตัวในแคนาดาตั้งแต่เดือนธ.ค. จากข้อหาส่งมอบเครื่องมือเทคโนโลยีให้กับอิหร่านที่ถูกคว่ำบาตรอยู่ และส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ทางการเมืองกับจีน โดยชาวแคนาดาหลายราย และการส่งออกจากบริษัทรายใหญ่ในแคนาดาถูกระงับโดยจีน


· รายงานจาก CNBC ระบุว่า กลุ่มนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างมองโอกาสความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นที่จะเห็นอังกฤษออกจากอียูแบบ No-Deal นับตั้งแต่ที่นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศลาออกจากตำแหน่งรวมทั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่การจะหาผู้นำอังกฤษคนใหม่จะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าพรรคอนุรักษ์นิยมจะเลือกผู้นำพรรคคนใหม่แล้วเสร็จ

ทั้งนี้ การออกจากอียูแบบ No-Deal จะส่งผลให้อังกฤษพ้นสภาพการเป็นสมาชิกของอียูในทันที อันหมายรวมถึงการทำการค้ากับอียูตามข้อกำหนดของ WTO ซึ่งดูจะส่งผลให้อังกฤษเผชิญกับภาษีนำเข้าสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์และผลิตภัณฑ์ประเภทนม และสถานการณ์ข้างต้นจะนำไปสู่การหาทางบรรลุข้อตกลงระหว่างอังกฤษและอียูสำหรับความสัมพันธ์ครั้งใหม่

· ราคาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นคืนวันศุกร์ หลังไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า กลุ่มโอเปกใกล้บรรลุข้อตกลงขยายเวลาการปรับลดการผลิตได้ภายในเดือนนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิด +2.7% ที่ 63.33 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิด +2.7% ที่ 53.99 เหรียญ/บาร์เรล





บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com