MTS Help Center

· ความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะช่วยให้ดอลลาร์ยังทรงตัวจากที่ปรับขึ้นมาได้เมื่อคืนนี้ หลังจากที่นักลงทุนเลือกที่จะถือครองดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven มากขึ้น

รายงานข่าวจาก The People's Daily ระบุถึง การที่จีนมีการกล่าวเตือนที่จะพร้อมใช้ Rare Earths ในการทำสงครามการค้าครั้งนี้กับสหรัฐฯ ซึ่งทางการจีนก็ดูจะออกมาแก้ข่าวว่าไม่ได้เป็นการบอกหรือเตือนใดๆ

· ทางด้านค่าเงินยูโรยังคงอ่อนค่าและเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนดอลลาร์ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์กล่าวเตือนว่า ดูจะมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเห็นดอลลาร์ผันผวนจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในยูโรโซน ประกอบกับทิศทางการเมืองในอนาคต


· ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 97.929 จุด หลังจากที่ปรับขึ้นมา 0.3% เมื่อคืนวานนี้ แต่ภาพรวมก็ยังอยู่ห่างจากระัดบสูงสุดรอบ 2 ปี ที่ทำไว้เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วที่ 98.371 จุด สำหรับภาพรวมปีนี้ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นได้แล้วประมาณ 1.8%

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังคงปรับขึ้นได้แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี จะปรับตัวลงทำต่ำสุดนับตั้งแต่ก.ย. ปี 2017 ที่ 2.240% จากสภาวะที่ตลาดเลือกถือ Safe-Haven จากกรณี Trade War และความกังวลเรื่องนโยบายงบประมาณของอิตาี

· ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.04% ที่ 1.1165 ดอลลาร์/ยูโร หลังที่อ่อนค่าไปกว่า 0.3% เมื่อวานนี้ และค่าเงินยูโรก็ดูจะยังเคลื่อนไหวใกล้กับต่ำสุดเดิมรอบ 2 ปีที่ 1.11055 ดอลลาร์/ยูโร ที่ทำไว้เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว

· บรรดากลุ่มผู้นำยุโรปเริ่มกระบวนการจัดวางสมาชิกระดับสูงเพื่อหาประธานคณะกรรมาธิการอียู ตลอดจนอีซีบี


· นักวิเคราะห์บางรายมองว่า หนึ่งในเหตุผลที่เห็นยูโรร่วงลงก็เป็นเพราะปัญหาในยูโรโซนโดยเฉพาะ ประกอบกับความตึงเครียดทางการค้า ขณะที่ผลการเลือกตั้งที่ออกมาก็ดูจะสร้างความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินไม่นอย และนี่คือแรงกดดันต่อยูโร


· Huawei ยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯต่อศาลยุติธรรมในรัฐเท็กซัส โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการให้สหรัฐฯยกเลิกกฏหมายมาตราหนึ่งใน NDAA (National Defense Authorization Act) ที่บังคับไม่ให้หน่วยงานภาครัฐสามารถเข้าซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจาก Huawei และ ZTE ได้ พร้อมเรียกร้องให้ศาลดำเนินกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว

ขณะที่ทางศาลมีกำหนดการ Huawei ขึ้นรายงานตัวในวันที่ 19 ก.ย. และอาจใช้เวลาหลายเดือนหลังจากนั้นเพื่อพิจารณาคดีความ หากศาลเห็นชอบกับข้อเรียกร้องของ Huawei ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการไต่สวนอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ศาลพิจารณาปฏิเสธข้อเรียกร้องของ Huawei

· นักวิเคราะห์จาก Bannockburn Global Forex ระบุว่า ทางรัฐบาลจีนยังไม่ได้ออกมาระบุว่าจะยกเลิกการส่งออกแรร์เอิร์ธแต่อย่างใด สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตลาดเป็นเพียงกระแสคาดการณ์เท่านั้น เนื่องจากตลาดเชื่อว่ารัฐบาลจีนจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ แต่ยังไม่รู้ว่ามาตรการดังกล่าวจะออกมาในลักษณะใด

นักกลยุทธ์จาก Bank of America Merrill Lynch ระบุว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้จัดสรรกรณีที่จีนเป็นผู้ครอบครองแร่ร์เอิร์ธมากที่สุดในโลก ถือว่าเป็นภัยอันตรายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากความจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าแร่หายากจากต่างประเทศของบรรดาอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ

ทั้งนี้ จีนมีการผลิตแรร์เอิร์ธมากถึง 78% ของปริมาณรวมทั่วโลกในปี 2018 และถือครองทรัพยากรจากทั่วโลกมากถึง 40% ซึ่งทาง Bank of America ระบุว่า การที่จีนสามารถกลายเป็นผู้นำในด้านการผลิตแรร์เอิร์ธได้นั้น มาจากวิสัยทัศน์ของรัฐบาลจีนที่มุ่งเน้นไปยังการสำรวจและการขุดเจาะแร่ธาตุหายากมาโดยตลอด 100

· รายงานจาก MUFG ซึ่งเป็นภาคธนาคารรายใหญ่ของญีปุ่่น แสดงความคิดเห็นว่า ค่าเงินหยวนมีโอกาสอ่อนค่าไปเหนือ 7.0 หยวน/ดอลลาร์ได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ท่ามกลางประเด็นข้อขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯที่ดูจะลุกลาม และนำเอาบริษัท Huawei เป็นส่วนประกอบในการเจรจา และความตึงเครียดเหล่านี้จะส่งผลให้หยวนอ่อนค่า ขณะที่จีนก็ดูจะไม่ยอมตามเงื่อนไขที่ทางนายทรัมป์ร้องขอ

· รายงานในหนังสือพิมพ์จากประเทศจีน ระบุว่า รัฐบาลจีนพร้อมที่จะใช้แร่แรร์เอิร์ธตอบโต้สหรัฐฯในสงครามการค้า ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจทำให้สงครามการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศอาจเลวร้ายลง แต่นี่ยังไม่ใช่ประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีนแต่อย่างใด

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประมาณ 1% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี

ภาวะอุปทานค่อนข้างตึงตัวท่ามกลางการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและความตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางที่เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน


โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง 0.8% ที่ะรดับ 69.53 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.2% ที่ระดับ 58.46 เหรียญ/บาร์เรล



CRUDE OIL TECHNICAL ANALYSIS
· ราคาน้ำมัน WTI ยังเคลื่อนไหวใกล้เส้นแนวรับที่ระดับ 57.24 – 88 เหรียญ/บาร์เรล หากวันนี้ราคาปิดต่ำกว่าแนวรับจะเปิดโอกาสให้ย่อตัวต่อไปถึงบริเวณ 55.37 – 75 เหรียญ/บาร์เรล ในทางกลับกัน ราคาจะมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 60.39 – 95 เหรียญ/บาร์เรล หากผ่านขึ้นไปได้จะมีโอกาสขึ้นไปทดสอบบริเวณ 63.59 – 64.43 เหรียญ/บาร์เรล