• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2562

    23 พฤษภาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน ท่ามกลางสัญญาณความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและทางการเมืองทั้งในตลาดยุโรปและเอเชีย ส่งผลให้ค่าเงินหลักอื่นๆ อย่างยูโรและหยวนอ่อนค่า แต่กลับหนุนค่าเงินดอลลาร์ในฐานะ Safe-haven แทน

โดยตลาดกังวลกับตัวเลขภาคการผลิตของเยอรมนีที่ประกาศออกมาอ่อนแอ ซึ่งเป็นผลกระทบจาก Trade war รวมถึงประเด็น Brexit และการเลือกตั้งรัฐสภาอียู ที่เป็นปัจจัยทางการเมืองกดดันให้ตลาดระมัดระวังการลงทุนทั้งในเอเชียและยุโรป

ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ทำระดับสูงสุดที่ 98.189 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวันที่ 26 เม.ย. หลังจากในช่วงตลาดก่อนหน้า ดัชนีขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 98.33 จุด

· นักวิเคราะห์จาก BNY Mellon ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์มีฐานะเป็น Safe-haven ในสภาวะตลาดแบบปัจจุบัน เนื่องจากเฟด ที่แม้จะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายก็ตาม แต่ธนาคารกลางอื่นๆกลับมีการส่งสัญญาณ ”ผ่อนคลายมากกว่า” จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้

· ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ที่ 1.1133 ดอลลาร์/ยูโร ในช่วงเปิดตลาด ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าใกล้ระดับ 1.26 ดอลลาร์/ปอนด์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.


· ค่าเงินเยนก็ปรับแข็งค่าในฐานะ Safe-haven เช่นกัน โดยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ค่าเงินเยนแข็งค่า 0.1% แถว 110.23 เยน/ดอลลาร์ หลังจากอ่อนค่าขึ้นไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 110.675 เยน/ดอลลาร์ เมื่อวานนี้

· โพลสำรวจโดย Reuters พบว่า บรรดานักลงทุนมีมุมมองว่า สกุลเงินในทวีปเอเชียจะเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ท่ามกลางโอกาสที่ทั้ง 2 ประเทศจะสามารถหาข้อตกลงเพื่อยุติความขัดแย้งได้ ดูจะริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ ขณะที่ค่าเงินของไต้หวันและเกาหลีใต้มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งมากที่สุด

· ผลกระทบของ Brexit ต่อการเลือกตั้งสภาอียู ได้เคยถูกประเมินไว้นับตั้งแต่การลงมติเมื่อปี 2016 ว่าอาจนำมาซึ่งแนวคิดการถอนตัวออกจากอียูของประเทศอื่นๆไม่ว่าจะเป็น Frexit (ฝรั่งเศส), Italexit (อิตาลี) หรือแม้กระทั่ง Nexit (เนเธอร์แลนด์)

และในปัจจุบัน ทุกสายตากำลังจับจ้องไปยังการเลือกตั้งรัฐสภาอียูที่จะเริ่มต้นภายในวันนี้ แต่จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ค. ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า พรรคการเมืองฝ่ายที่ต่อต้านการรวมตัวเป็นสหภาพอาจมีสิทธิมีเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้แนวคิดในการถอนตัวจะเริ่มลดน้อยลงไปก็ตาม (ยกเว้นอังกฤษ)

· DailyFx เผยถ้อยแถลงของ นายวากาตาเบะ หนึ่งในสมาชิกบีโอเจที่กล่าวว่า ณ ขณะนี้ บีโอเจยังไม่ได้มีการหารือเรื่องการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเราอาจจำเป็นจะต้องใช้เวลาเพื่อให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพตามเป้าหมาย

· นายทาโร่ อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น แสดงความต้องการเพิ่มภาษีการขายในเดือนต.ค. ตามแผนเดิม เพื่อรักษาเสถียรภาพของกองทุนต่างๆ


· หัวหน้าฝ่ายสินค้าเพื่อผู้บริโภคของ Huawei เปิดเผยว่า ระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนตัวใหม่ที่ทาง Huawei เป็นผู้พัฒนาด้วยตัวเองจะพร้อมใช้งานจริงภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ แต่จะเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการดังกล่าวในกรณีที่ Huawei ถูกกีดกันการเข้าถึงซอฟท์แวร์ของ Google และ Microsoft ไปโดยสมบูรณ์เท่านั้น

· รายงานอย่างเป็นทางการจากอินเดีย ระบุว่า พรรคการเมืองของนายนเรนทระ โมที นายกรัฐมนตรีอินเดียคนปัจจุบัน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์อินเดีย โดยพรรค BJP สามารถครองที่นั่งในสภาล่างไปได้ 292 ที่นั่ง จากทั้งหมด 542 ที่นั่ง ซึ่งมากกว่าจำนวนที่นั่งขั้นต่ำที่ 272 ที่นั่งเพื่อเป็นฝ่ายครองเสียงข้างมาก

· กระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐฯกำลังพิจารณาส่งกองกำลังหนุนไปเพิ่มในพื้นที่ตะวันออกกลางเป็นทหารจำนวน 5,000 นาย ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านที่ส่งสัญญาณจะทวีความรุนแรงขึ้น แม้ทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะระบุว่า การส่งกำลังเสริมครั้งนี้มีจุดประสงค์ในเชิงป้องกันตัวเท่านั้น

· นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า นโยบายขึ้นภาษีจีนรอบถัดไปจะยังไม่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาอีกอย่างน้อย 1 เดือน หรือ 30-45 วัน ในขณะที่ภาครัฐยังคงศึกษาถึงผลกระทบที่เกิดจากการขึ้นภาษี

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดังกล่าวสั้นกว่าช่วงเวลาของการขึ้นภาษีครั้งก่อน และยังมีความเป็นไปได้ที่นโยบายขึ้นภาษีตัวใหม่ของสหรัฐฯจะพร้อมใช้งานในช่วงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบสหรัฐฯ พบกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระหว่างการประชุม G20 ณ ประเทศญี่ปุ่น ปลายเดือนหน้า

ทั้งนี้ นายมนูชินได้ยืนยันว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะกลับมาเจรจาการค้ากับจีนอีกครั้ง หากทั้ง 2 สองฝ่ายสามารถดำเนินการตามที่เคยตกลงกันไว้ในการเจรจาครั้งก่อนๆได้

· ราคาน้ำมันปรับตัวลงต่อเนื่อง ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของปริมาณสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯ และปริมาณอุปสงค์จากบรรดาโรงกลั่นน้ำมันที่อ่อนแอ


โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.9% แถว 70.36 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.8% แถว 60.91 เหรียญ/บาร์เรล



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com