· FX Empire ระบุว่า ดัชนี S&P500 เผชิญแรงเทขายมาในช่วงตลาดเอเชียจากการที่เทรดเดอร์ตอบรับกับข่าวที่จีนถูกสหรัฐฯคุกคามทางการค้าในการจะขึ้นบัญชีดำบริษัท Huawei โดยหากดัชนีหลุดต่ำกว่า 2,800 จุด ก็มีโอกาสปรับตัวลงได้ต่อ ขณะที่ระดับราคาปัจจุบันเคลื่อนไหวแถวเส้นค่าเฉลี่ย EMA50 ซึ่งหากดัชนีไม่หลุด 2,800 จุด ก็อาจมีสัญญาณให้ดัชนีไปต่อและอาจกลับไปแถว 2,900 จุด และหากฝ่าแนวนั้นไปได้มีโอกาสเห็นดัชนีปรับขึ้นไปต่อ
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างสหรัฐนและจีนผ่อนคลายลงไปบ้างเล็กน้อย โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1%
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.1% อย่างไรก็ดี ยังคงอยู่ไม่ไกลจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
· นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสกประจำ Principal Global Investors ระบุว่า ข่าวเกี่ยวกับประเด็นสหรัฐฯและบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างหัวเว่ยก็กำลังแย่ลง ซึ่งดูเหมือนว่าสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงบ่งบอกว่าสงครามการค้านั้นเริ่มมีสัญญาณของการเป็นสงครามเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น
ยิ่งประเด็นดังกล่าวมีเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ความเสียหายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะในเอเชียและสหรัฐฯ แต่ผลกระทบจะมีความสำคัญทั่วโลก
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง หลังจากทีมบริหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มชื่อบริษัท Huawei Technologies ของจีนลงบัญชีดำ ส่งผลให้การดำเนินธุรกรรมใดๆระหว่างผู้ประกอบการสหรัฐฯร่วมกับ Huawei ถูกจำกัดลง อย่างไรก็ดี การร่วงลงเป็นไปได้อย่างจำกัด เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้ยกเลิกคำสั่งห้ามธุรกิจสหรัฐร่วมงานกับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ เป็นการชั่วคราว
โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.1% ที่ระดับ 21,272.45 จุด
นักกลยุทธ์ประจำ Mizuho Securities กังวลว่าการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯจะนำไปสู่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหากความกังวลด้านการค้าเกิดขึ้น ก็ส่งผลกระทบไปยังผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่นในช่วงครึ่งปีเช่นเดียวกัน
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้น ภายหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้ยกเลิกคำสั่งห้ามธุรกิจสหรัฐร่วมงานกับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ เป็นการชั่วคราว
โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้ยกเลิกคำสั่งห้ามธุรกิจสหรัฐฯร่วมงานกับบริษัทหัวเว่ยเป็นการชั่วคราว โดยอนุญาตให้มีการอัพเดทซอฟท์แวร์เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้งานโทรศัพท์ของหัวเว่ยได้ ซึ่งการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวจะมีผลจนบังคับใช้จนถึงวันที่ 19 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1.23% ที่ระดับ 2,905.97 จุด
อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics แถลงปรับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 62 เหลือ 3.0% จากเดิมมอง 3.5% เหตุตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรกชะลอมากกว่าคาด ทาให้แรงส่งต่อไปยังในช่วงที่เหลือมีข้อจำกัดแม้ความเชื่อมั่นและบรรยากาศการลงทุนมีแนวโน้มปรับดีขึ้นหลังจากฟอร์มรัฐบาลใหม่ ขณะที่ยังมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกสงครามการค้าถึงทางตัน จึงยากที่จะเห็นเครื่องยนต์ส่งออกกลับมาในปีนี้ พร้อมมองเป็นปีที่ระบบธนาคารเผชิญความท้าท้ายจากเศรษฐกิจชะลอ คาดสินเชื่อทั้งปี โตชะลอลงที่ 4.5% แนะระวังคุณภาพสินเชื่อโดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย ที่เริ่มเห็น NPL ขยับขึ้นในกลุ่มสินเชื่อรถและบ้าน เศรษฐกิจโลกเข้าสู่วงจรขาลงแรงและเร็วกว่าคาด ไตรมาสแรกปีนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการค้าของโลกชะลอลงชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมในเศรษฐกิจหลักอย่างยูโรโซน ภาคการส่งออกของเศรษฐกิจหลักรวมถึงแถบอาเซียนเข้าสู่โหมดชะลอตัวจนถึงหดตัว สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลกเติบโตเหลือ 3.3%และ 3.4%
- บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS แจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯ ได้จำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท เบย์วอเตอร์ จำกัด (“เบย์วอเตอร์”) ให้ CPN มูลค่า 7.7 พันล้านบาท
· นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีไตรมาส 1/2562 และแนวโน้มปี 2562 โดยระบุว่า ตั้งแต่ปลายปี 2561 ถึงไตรมาสแรกปี 2562 เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐและการขอถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 2.8 เมื่อเปรียบเทียบกับการขยายตัวร้อยละ 3.6 ในไตรมาสก่อนหน้านี้ และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2562 ขยายตัวจากไตรมาส 4 ของปี 2561 ร้อยละ 1.0
· สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.6 หรือขยายตัวอย่างต่ำที่ร้อยละ 3.3 และขยายตัวอย่างสูงที่ร้อยละ 3.8 โดยมีปัจจัยบวกมาจากการมีรัฐบาลใหม่ การลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ การปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ 2.2 การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ 4.2 และร้อยละ 4.5 ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ 0.7-1.2 และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 5.9 ของจีดีพี
· นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ยังไม่ใช่นัดสุดท้าย เพราะรัฐบาลชุดนี้มีอำนาจเต็มที่จะพิจารณาเรื่องสำคัญเพื่อส่งต่อรัฐบาลใหม่ รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถที่จะยุบสภาได้ ยังคงต้องทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ หรือวันที่รัฐบาลชุดใหม่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
นายวิษณุ ปฎิเสธตอบคำถามถึงกระแสข่าวที่จะได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในรัฐบาลหน้า โดยกล่าวว่ารายชื่อรัฐมนตรีที่ออกมาขณะนี้เป็นเพียงรายชื่อที่ออกมาจากสื่อมวลชนเท่านั้น
· พล.ต.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาพรวมวันหยุดราชการประจำปีและการกำหนดให้วันที่ 4 พฤษภาคม เป็นวันฉัตรมงคล และวันหยุดราชการ ประจำปี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ ดังนี้ กำหนดให้วันที่ 4 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันฉัตรมงคลและวันหยุดราชการประจำปี