• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2562

    14 พฤษภาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินหยวนแข็งค่า ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเรียปรับตัวสูงขึ้น หลังจากตลาดรับถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ยังคงเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯและจีนยังสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าร่วมกันได้

โดยค่าเงินหยวนก่อนหน้านี้ลงไปทำระดับต่ำสุดของปี 2019 ที่ 6.92 หยวน/ดอลลาร์ หลังสหรัฐฯและจีนต่างประกาศนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของกันและกัน แต่ค่าเงินสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ประมาณ 0.25% หลังความเชื่อมั่นของตลาดเริ่มกลับเข้ามา หลังรับทราบถ้อยแถลงดังกล่าว

· นักวิเคราะห์เชื่อว่า หากค่าเงินหยวนส่งสัญญาณที่จะอ่อนค่าต่ำกว่าระดับ 7 หยวน/ดอลลาร์ รัฐบาลจีนจะเข้าแทรกแซงเพื่อป้องกันไม่ให้อ่อนค่าหลุดระดับดังกล่าว และมีแนวโน้มที่ภาครัฐจะพิจารณาลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเจรจากับสหรัฐฯ


· นักวิเคราะห์จาก Arkera ระบุว่า สงครามการค้าไม่เป็นผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์ โดยเมื่อพิจารณาจากคู่ค่าเงินเยนต่อดอลลาร์ที่ตอบสนองกับการประกาศขึ้นภาษีจากฝั่งจีน จะเห็นได้ว่าไม่เป็นผลบวกต่อสินทรัพย์จากฝั่งสหรัฐฯ

· ด้านค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.15% บริเวณ 1.1238 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่นักลงทุนในตลาดยุโรปจะให้ความสนใจกับการประกาศตัวเลขภาคการผลิตเดือนมี.ค.ของยูโรโซน และ Germany’s ZEW economic sentiment index เดือน พ.ค. ที่จะประกาศในช่วง 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

USD/JPY แข็งค่าหลัง S&P 500 futures ฟื้นตัว, ผู้ว่าบีโอเจส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายต่อ



· ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน (USD/JPY) แข็งค่าประมาณ 0.25% บริเวณ 109.58 เยน/ดอลลาร์ หลังทำระดับต่ำสุดเมื่อไม่นานมานี้ที่ 109.14 เยน/ดอลลาร์

การฟื้นตัวของ USD/JPY สอดคล้องกับการที่ดัชนี S&P 500 futures ปรับตัวสูงขึ้นได้ประมาณ 0.5% จากการให้สัมภาษณ์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังมองว่าการเจรจากับจีนยังมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จได้

อย่างไรก็ตามดัชนี S&P 500 futures ไม่สามารถฟื้นตัวได้นานนัก ก่อนที่จะปรับตัวลดลง เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังเป็นปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่นของตลาดในระยะยาวอยู่ อีกทั้งนายทรัมป์ยังมีแนวโน้มที่จะพิจารณาขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีนทั้งหมด

หากดัชนี S&P 500 futures ปรับร่วงลงต่อ USD/JPY ก็มีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงมาบริเวณ 109.00 เยน/ดอลลาร์ และเมื่อไม่นานมานี้ นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าบีโอเจ ได้กล่าวถ้อยแถลง โดยยังคงยืนยันถึงทิศทางที่บีโอเจจะดำเนินการคงฯโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป อย่างไรก็ตาม ตลาดดูเหมือนจะไม่ตอบรับกับถ้อยแถลงของเขาสักเท่าไหร่ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า บีโอเจจะไม่สามารถออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้อีก เนื่องจากทางบีโอเจได้มีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2013



· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า จะทราบผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ ภายใน 2-3 สัปดาห์

· ทางเลือกแบบสุดโต่งสำหรับจีนในการออกนโยบายตอบโต้สหรัฐฯ อาจเป็นการลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นอย่างกระทันหัน และสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ

โดยปัจจุบัน จีนมีการถือครองพันธบัตรของสหรัฐฯคิดเป็นมูลค่า 1.13 ล้านล้านเหรียญ คิดเป็นประมาณ 17.7% จากปริมาณหนี้สินทั้งหมดของสหรัฐฯที่ 22 ล้านล้านเหรียญ หากจีนตัดสินใจลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ตามทฤษฎีแล้ว จะสร้างผลกระทบที่รุนแรงให้กับรัฐบาลประเทศที่ออกพันธบัตรให้ต่างชาติเข้าถือครองเป็นปริมาณมากอย่างสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังไม่มีความกังวลว่าจะเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นในเร็วๆนี้ โดยนักวิเคราะห์จาก PGIM Fixed Income ระบุว่า ทางเลือกดังกล่าวจะเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจจีนเสียเอง แม้จะช่วยให้จีนมีอำนาจในการต่อรองกับสหรัฐฯมากขึ้นก็จริง แต่ก็จะทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อมูลค่าในตลาดจีน

ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลือกดังกล่าวอาจเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯเสียเอง เนื่องจากการลดการถือครองพันธบัตร จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง สร้างความได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศให้กับสหรัฐฯ อีกทั้งยังมีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯจะปรับสูงขึ้นและราคาพันธบัตรปรับลดลง ทำให้มูลค่าพอร์ตงบดุลของจีนปรับลดลงไป

· ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Janus Henderson มองว่า พันธบัตรยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้ การเคลื่อนย้ายเม็ดเงินส่วนนั้นออกจากพันธบัตรจึงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ หากเกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นการทยอยโยกเม็ดเงินออกเป็นระยะเวลา 6 – 12 เดือน แต่ก็เชื่อว่าจีนไม่มีแนวคิดที่จะตัดสินใจใช้ตัวเลือกดังกล่าวอย่างแน่นอน

· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากคณะรัฐมนตรีกว่า 13 คน ให้พิจารณายกเลิกการเจรจาข้อตกลง Brexit ร่วมกับพรรค Labour ฝ่ายค้าน เกี่ยวกับการรักษา customs union ร่วมกับสหภาพยุโรปหลังอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพ

ขณะที่นายโอลลี้ ร็อบบินส์ ตัวแทนการเจรจา Brexit กำลังดำเนินการเจรจาร่วมกับตัวแทนของสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัซเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ในหัวข้อเกี่ยวกับการประกาศความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป

· รายงานจาก The Times ระบุว่า นายแพทริก ชานาฮาน รักษาการแทนรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐฯ ได้เสนอแผนอัพเดตการวางกำลังทหารในพื้นที่ตะวันออกกลางให้กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีแนวคิดที่จะส่งกำลังพลไปเพิ่มในพื้นที่ดังกล่าวรวมเป็น 120,000 นาย เพื่อควบคุมสถานการณ์ในกรณีที่อิหร่านตัดสินใจเปิดฉากโจมตีหรือเร่งการพัฒนานิวเคลียร์

· นายทรัมป์กล่าวเตือนอิหร่านว่า พวกเขาจะต้อง “ทรมานอย่างสาสม” หากดำเนินการใดๆที่ทำให้สหรัฐฯเสียผลประโยชน์ หลังจากที่สหรัฐฯได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินรบและฝูงบินเข้าใกล้พื้นที่ประเทศอิหร่านท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านที่ส่งสัญญาณจะทวีความรุนแรงขึ้น

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตือนรัฐบาลจีน หลังจากกระทรวงการคลังของจีนแถลงวานนี้ว่า จีนจะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านเหรียญ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้

นอกจากนี้ ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า การที่จีนประกาศแผนขึ้นภาษีตอบโต้ครั้งนี้ส่งผลกระทบเล็กน้อย แต่ไม่ได้รุนแรงจนน่ากังวล ขณะที่ภาคการเกษตรของสหรัฐฯน่าจะรับมือกับการตอบโต้นี้ได้

ทั้งนี้ สินค้าในภาคเกษตรของสหรัฐจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขึ้นภาษีในครั้งนี้ หลังจากที่ถูกกระทบก่อนหน้านี้จากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น รวมถึง ถั่ว น้ำตาล ข้าวสาลี ไก่ และไก่งวง

· ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวผสมผสานกันในวันนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งของอิหร่านและสหรัฐฯที่อาจนำไปสู่การใช้กำลังทางทหาร รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ดูเหมือนว่ามีการประนีประนอมกัน โดยส่งสัญญาณว่าอาจหลีกเลี่ยงความล้มเหลวได้

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 0.24% ที่ระดับ 70.40 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.2% ที่ระดับ 60.92 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com