• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2562

    14 พฤษภาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินหยวนร่วงลงทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่เดือนธ.ค.เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จากประเด็น Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ต่างฝ่ายต่างขึ้นภาษีนำเข้าโต้ตอบกัน โดยจีนจะทำการขึ้นภาษีสหรัฐฯอีก 6 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากที่สหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนอีก 2 แสนล้านเหรียญไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากการที่สหรัฐฯกล่าวหาว่าจีนทำลายข้อตกลงทางการค้า ในขณะที่จีนยืนกรานว่าจะไม่ยอมทำการใดๆที่ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของประเทศ



ค่าเงินหยวนไปทำระดับอ่อนค่ามากสุดตั้งแต่ 24 ธ.ค. ที่ 6.92 หยวน/ดอลลาร์



ด้านดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 97.30 จุด หลังลงไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดเมื่อวานนี้ที่ 97.2 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 109.15 เยน/ดอลลาร์




· กลุ่มนักลงทุนจะจับตาว่านายทรัมป์จะประกาศขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรปและญี่ปุ่นหรือไม่ ซึ่งนายทรัมป์ได้รับทราบรายงานการสืบสวนภายใต้ “มาตรา 232” ที่เริ่มสืบสวนเมื่อเดือน ก.พ. ซึ่งตลาดเชื่อว่ารายงานดังกล่าวได้ข้อสรุปว่าการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ



ซึ่งนายทรัมป์มีกำหนดการจะทำการประกาศในวันที่ 18 พ.ค. แต่ตลาดเชื่อว่านายทรัมป์จะขอเลื่อนเอกสารประกาศออกไป ซึ่งหากไม่มีสัญญาณว่าจะเลื่อนการประกาศ ก็มีโอกาสจะเห็นหุ้นปรับร่วงลงมาได้บ้าง

· ค่าเงินปอนด์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหลังจากที่มีรายงานว่ารัฐสภาอังกฤษอาจบรรลุข้อตกลง Brexit ร่วมกันได้ แม้จะมีความไม่แน่นนอนว่าข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นได้เท่าใดนัก โดยบรรดาส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านกว่า 150 รายอาจทำการปฏิเสธข้อตกลงที่ไม่ได้ระบุถึงการยืนยันการลงประชามติอีกรอบได้ ซึ่งประเด็นการเจรจาเรื่องการลงประชามติครั้งที่ 2 นี้จะส่งผลให้เงินปอนด์มีแนวโน้มจะอ่อนค่าต่อได้

ทั้งนี้ ค่าเงินปอนด์ทรงตัวแถว 1.3 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1.2851 – 1.3190 ดอลลาร์/ปอนด์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอันเป็นผลจากความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐฯและจีน โดยอัตราผลตอบแทนระยะยาวดิ่งลงและเคลื่อนไหวต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนระยะสั้นอีกครั้ง ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯดิ่งลงแตะ 2.394% ต่ำกว่าผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 3 เดือนที่เคลื่อนไหวบริเวณ 2.418% ทางด้านผลตอบแทนอายุ 2 ปีเคลื่อนไหวแถว 2.182% ส่งผลให้บรรดานักลงทุนกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่กลับสู่ภาวะขาลงดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา จากสัญญาณ Yield Curve ที่เกิดขึ้นและเป็นปัจจัยที่สะท้อนถึงผลลัพธ์ที่ต้องเฝ้าจับตาใกล้ชิด

· เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจีน ระบุว่า จีนจะทำการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเป็นมูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย. นี้ เพื่อเป็นการตอบโต้การตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าล่าสุดของทางสหรัฐฯ โดยจะมีรายการสินค้ามากกว่า 5,000 รายการที่ถูกขึ้นภาษีด้วยอัตรา 25% ขณะที่บางสินค้าจะถูกขึ้นด้วยอัตราภาษี 20% โดยเป็นการปรับเพิ่มภาษีสินค้าจาก 10% หรือ 5%

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าทีมบริหารของเขากำลังเตรียมออกนโยบายมอบเงินสนับสนุนให้กับเกษตรกรสหรัฐฯ เป็นมูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้จากประเทศจีน ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่ย่ำแย่ลง


ทั้งนี้ นายทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวแต่อย่างใด

· เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การตอบโต้กลับของจีนในการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ 25% มูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญ และการกระทำดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่นายทรัมป์พึงพอใจ เพราะจะทำให้การเจรจาทางการค้าค่อนข้างเป็นไปในเชิงบวก ขณะที่การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอื่นๆของจีนอีก 25% มูลค่า 3.25 แสนล้านเหรียญนั้น เขายังไม่ได้ตัดสินใจในเร็วๆนี้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ยืนยันต่อแผนที่เขาจะเข้าพบกับ นายสี จิ้นผิง ประธานธิบดีจีน และนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียในการประชุม G-20 ที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนมิ.ย.

อย่างไรก็ดี แม้นายทรัมป์ จะระบุว่ายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีกมูลค่ากว่า 3 แสนล้านเหรียญเมื่อใด แต่ทางเจ้าหน้าที่ตัวทานทางการค้าของสหรัฐฯก็ระบุถึงการเริ่มต้นกระบวนการเพื่อนำเสนอแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งสะท้อนว่าการขึ้นภาษีอีกครั้งอาจเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดก่อน 24 มิ.ย. นี้ก่อนหน้าการประชุม G20 ก็เป็นได้

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า บรรดานักลงทุนเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในเร็วๆนี้ และเริ่มมีการปรับพอร์ตลงทุนสอดคล้องกับแนวโน้มที่ความขัดแย้งทางการค้าอาจยืดเยื้อออกไปเป็นระยะเวลายาวนาน ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นถูกเทขายลงมา ขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตรกลับเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับแนวโน้มนโยบายดอกเบี้ยของเฟด ตลาดยังเชื่อว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีความแข็งแกร่ง จึงน่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นและการค้าให้อยู่ในภาวะสมดุลต่อไปได้


· รายงานจาก CNBC เผยว่า สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นเพียงความขัดแย้งเดียวที่ส่งสัญญาณจะย่ำแย่ลงก่อนหน้าการเลือกตั้งครั้งใหม่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2020

โดยนโยบายของนายทรัมป์ที่พยายามเปิดโปงและกำจัดการค้าที่ไม่ยุติธรรมกับสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้สหรัฐฯเผชิญกับสัญญาณของความขัดแย้งทางการค้าร่วมกับ แคนาดา เม็กซิโก สหภาพยุโรป ตลอดจนญี่ปุ่น และหากนายทรัมป์ยังคงเดินหน้ากดดันการค้ากับจีนต่อไป ในอีกไม่นานนี้ เขาอาจต้องตัดสินใจว่าจะทำการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนกลุ่มที่ยังไม่ถูกขึ้นภาษี คิดเป็นมูลค่า 3.25 แสนล้านเหรียญหรือไม่



นายทรัมป์ยังมีแนวคิดที่จะอนุมัติให้สามารถปรับปรุงข้อตกลง North American Free Trade Agreement แต่ ส.ส. บางส่วนได้เรียกร้องให้นายทรัมป์ยกเลิกนโยบายขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดาและเม็กซิโกเสียก่อน



นโยบายขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมยังมีผลไปถึงสหภาพยุโรป และนายทรัมป์ก็จะมีการประกาศในเร็วๆนี้ ว่าจะขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรปหรือไม่ ซึ่งทางยุโรปก็เคยได้ออกมายืนยันว่าจะทำการตอบโต้ หากสหรัฐฯทำการขึ้นภาษีจริง



· นายทรัมป์ยังมีการเรียกร้องให้สภาคองเกรสพิจารณาเพิ่มงบประมาณให้กับองค์กร NASA เป็นมูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญภายในปีหน้า เพื่อผลักดันให้สหรัฐฯสามารถส่งนักบินอวกาศไปยังพื้นผิวของดวงจันทร์อีกครั้งภายในปี 2024

ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี ได้ประกาศวัตถุประสงค์ขจองทีมบริหารที่จะลดระยะเวลาของการส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์อีกครั้งลงไป 4 เดือน ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์นับตั้งแต่ปี 1972

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงวานนี้ ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะ Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 42 เซนต์ ที่ 70.2 เหรียญ/บาร์เรล ด้านน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงไปกว่า 1% หรือลดลง 62 เซนต์ ปิดที่ระดับ 61.04 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com