• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 10 พฤษภาคม 2562

    10 พฤษภาคม 2562 | Economic News



· ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่สวิสฟรังก์ปรับแข็งค่ามากที่สุดรอบ 1 เดือน ท่ามกลางกลุ่มนักลงุทนที่เข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลเกี่ยวกับข้อขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯ-จีน โดยการเจรจาในรอบสองวันนี้ เหล่าเทรดเดอร์รอดูว่าสหรัฐฯและจีนจะหาทางออกสำหรับข้อตกลงเช่นไรเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีนำเข้าจีนของทางสหรัฐฯ




ค่าเงินเยนปรับแข็งค่ากว่า 0.5% ไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดตั้งแต่ 4 ก.พ. บริเวณ 109.53 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่สวิสฟรังก์เมื่อเทียบกับดอลลาร์แข็งค่าแตะ 1.013 ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 18 เม.ย.



ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงไป 0.37% ที่ระดับ 97.263 จุด ทางด้านค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 0.75% ทำระดับต่ำสุดรอบ 4 เดือน ที่ 6.858 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าที่แย่ที่สุดในช่วง 4 วันของปีนี้






· ความกังวลเรื่อง Trade War ได้ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรมีการเคลื่อนไหวด้วยการส่งสัญญาณถึงภาวะถดถอยอีกครั้ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ร่วงลงต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 เดือน และความผกผันดังกล่าวมักเป็นสัญญาณสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา



อย่างไรก็ดี ภาวะผกผันดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นยาวนานมาก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีหลังจากที่อ่อนตัวลงไปก็ทรงตัวแถว 2.451% ในขณะที่ผลตอบแทนระยะสั้น 3 เดือน ทรงตัวที่ 2.432%



· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การขึ้นภาษีถือเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับข้อตกลงทางการค้ากับจีน โดยเป็นการกล่าวภายในไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เจ้าหน้าที่จากจีนจะพบกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯในช่วงค่ำวานนี้ ณ กรุงวอชิงตัน



ขณะที่การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนมีกำหนดการจะพบกันในช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น หรือตี 4 ตามเวลาไทยในวันนี้ ในขณะที่เขามีกำหนดการจะทำการขึ้นภาษีสินค้าในช่วงเที่ยงคืน 1 นาทีของวันศุกร์ หรือประมาณ 11.00น. ตามเวลาไทย



อย่างไรก็ดี เขาระบุว่า ทีมบริหารของเขาก็อาจกลับมาพิจารณาที่จะไม่ขึ้นภาษีได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการเจรจาที่เกิดขึ้น ซึ่งเราจะทำในสิ่งที่คิดว่าสมควรทำ แต่ทุกๆทางเลือกของเราคือทางเลือกที่ดีที่สุด



ทั้งนี้ จีนมีการกล่าวว่าจะทำการตอบโต้การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ หากสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากทางจีนในระดับสูง ขณะที่ทางทำเนียบขาว อ้างถึงการที่จีนยังคงต้องการสร้างข้อตกลงร่วมกัน และนั่นส่งผลให้ตลาดถูกจำกัดการเคลื่อนไหวเป็นการชั่วคราว




· นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเข้าพบกับทีมเจรจาการค้าของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยไม่มีหัวข้อพิเศษใดๆเกี่ยวกับประธานาธิบดีจีน ซึ่งรองนายกจีนฯน่าจะยังหารือถึงประเด็นการค้าก่อนหน้า และอาจจะต้องมีการลดเงื่อนไขบางอย่างให้ผ่อนปรนมากขึ้นเพื่อให้ผลักดันให้เกิดข้อตกลงทางการค้าได้

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯและจีนในวันแรกได้จบลงเมื่อช่วงเช้าวันนี้ และการเจรจาจะดำเนินต่อภายในคืนนี้ ท่ามกลางนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่ทรัมป์ได้ข่มขู่ไว้ กำลังจะมีผลบังคับใช้ภายในวันนี้ เวลาประมาณ 11.01 น. ตามเวลาประเทศไทย

โดยนโยบายภาษีดังกล่าวจะเป็นการขึ้นภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ จากเดิม 10% เป็น 25% ซึ่งทางรัฐบาลจีนได้เคยเตือนสหรัฐฯว่า จะทำการออกมาตรการมาตอบโต้ภาษีของสหรัฐฯอย่างแน่นอน หากสหรัฐฯดำเนินการขึ้นภาษีจริง



หากจีนถูกขึ้นภาษีจริง สินค้าในกลุ่มของผู้บริโภค ซึ่งรวมไปถึง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้า และของเล่น น่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก


· ที่ปรึกษาประจำธนาคารกลางจีน ประเมินว่า หากจีนถูกสหรัฐฯขึ้นภาษีตามที่ข่มขู่ไว้ จะทำให้ GDP ของจีนชะลอการขยายตัวลงไป 0.3% แต่เศรษฐกิจในประเทศก็มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศได้

นอกจากนี้ ยังวิเคราะห์ว่าตลาดหุ้นจีนน่าจะไม่เผชิญแรงเทขายอย่างหนักเหมือนในปีก่อน ในช่วงที่ Trade war เพิ่งขยายตัวรุนแรง เพราะว่าเมื่อปีก่อนตลาดค่อนข้างที่จะ overreact กับปัจจัยดังกล่าว เพราะยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่จะเกิดกับเศรษฐกิจโดยแท้จริงได้ อีกทั้งยังมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปีก่อนด้วย

· เมื่อวานนี้ นายทรัมป์ระบุว่า เขาไม่พอใจต่อการได้ยินรายงานข่าวที่ว่าเกาหลีเหนือมีการทดสอบมิสไซน์พิสัยระยะใกล้จำนวน 2 ลูกเมื่อวานนี้ แม้ว่าจะเป็นมิสไซน์ขนาดเล็ก หรือเป็นพิสัยระยะใกล้ก็ตาม เพราะการกระทำดังกล่าวไม่มีใครพึงพอใจ แต่เราก็สัมผัสได้ว่ายังมีแนวโน้มที่สำหรับความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งดูเหมือนทางเกาหลีเหนือต้องการการเจรจา แต่ในเวลานี้ผมก็คิดว่าพวกเขายังไม่พร้อมเจรจาจริงจัง


· ราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มที่จะชะลอตัว หากสหรัฐฯและจีนยังคงล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ที่อาจนำไปสู่การที่สหรัฐฯจะทวีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก


น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 42 เซนต์ ที่ 61.7 เหรียญ/บาร์เรล และการปรับตัวลงดังกล่าวทำให้ภาพรวมสัปดาห์นี้ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้นเล็กน้อย 2 เซนต์ ที่ระดับ 70.39 เหรียญ/บาร์เรล และภาพรวมดูจะเป็นการปรับตัวลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 2



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com