MTS Help Center

· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ถูกกดดันลงมาจากปริมาณความต้องการค่าเงินเยนในฐานะ Safe-haven ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ หลังสหรัฐฯประกาศข่มขู่จะขึ้นภาษีจีน ก่อนการเจรจาที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้ และการขึ้นภาษีจะมีผลบังคับใช่ในคืนวันศุกร์หากเจรจาล้มเหลว

ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวแถว 109.910 เยน/ดอลลาร์ หลังทำจุดต่ำสุดที่ 109.70 เยน/ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.

ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1190 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากตลอดสัปดาห์นี้ ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆระหว่าง 1.1218 – 1.1155 ดอลลาร์/ยูโรมาโดยตลอด

ส่วนดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่บริเวณ 97.612 จุด

USD/JPY technical analysis: ค่าเงินเยนมีแนวโน้มลงทดสอบแนวรับ 109.70



· ค่าเงินเยนมีแนวโน้มจะลงไปทดสอบแนวรับที่ 109.70 เยน/ดอลลาร์ ที่เป็นระดับต่ำสุดของวันที่ 25 มี.ค. หลังจากทำจุด Lower high อีกครั้งที่แนวต้าน 110.28 เยน/ดอลลาร์

ขณะที่เส้น RSI เคลื่อนไหวแถว 33.00 จุด บ่งชี้ถึงสัญญาณของทิศทางขาลง ดังนั้นจึงวิเคราะห์ได้ว่า ค่าเงินมีแนวโน้มจะหลุดแนวรับ 109.70 เยน/ดอลลาร์ลงมา แต่อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในวันนี้ ขณะที่ RSI ในกราฟราย 4 ช.ม. ส่งสัญญาณ Oversold และในกราฟรายวัน RSI ลงต่ำกว่าระดับ 30.00 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ม.ค.

อย่างไรก็ตาม หากค่าเงินมีการปรับตัวขึ้น ก็จะถูกกดดันโดยเส้นค่าเฉลี่ยราย 50 วันที่ 110.25 เยน/ดอลลาร์ ดังนั้นการปรับขึ้น หากเกิดขึ้นจริง ก็น่าจะคงอยู่ได้ไม่นานนัก

· อัตราเงินเฟ้อภาคอุตสาหกรรมของประเทศจีนในเดือน เม.ย. ขยายตัวด้วยอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางแรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภันฑ์ที่สูงขึ้นและสัญญาณว่าปริมาณอุปสงค์อาจเติบโตถึงระดับสูงสุดไปแล้ว ท่ามกลางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลากหลายของรัฐบาลจีน

ส่วนอัตราเงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภคในประเทศจีนก็ขยายตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนเช่นกัน ท่ามกลางราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้นจากปัญหาไข้หวัดหมูที่เป็นโรคติดต่อ

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน เม.ย. ขยายตัวได้ 0.9% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. โดยมีแรงหนุนหลักมาจากราคาน้ำมันและก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขยายตัวมากกว่าในเดือน มี.ค. ที่ 0.4%

นายกฯอังกฤษอาจถูกกดดันออกจากตำแหน่งได้ด้วยวิธีใด?

· ผลักดันให้เกิดการโหวตไม่ไว้วางใจเร็วขึ้น : นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคยถูกลงมติไม่ไว้วางใจไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ปี 2018 ซึ่งนางเมย์สามารถเอาตัวรอดจากการลงมติไปด้วยคะแนนเสียง 200 ต่อ 117 และภายใต้กฎหมายของสภา ฝ่ายค้านจะไม่สามารถยื่นเรื่องให้จัดการลงมติไม่ไว้วางใจได้อีกเป็นเวลา 1 ปี นั่นหมายความว่านางเมย์จะไม่ถูกลงมติไปจนถึงวันที่ 12 ธ.ค. ปีนี้ อย่างไรก็ตาม เริ่มมีรัฐมนตรีหลายท่านที่ต้องการเปลี่ยนแปลงกฎหมายดังกล่าว เพื่อทำให้สามารถจัดการลงมติได้เร็วขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการในสภาเสียก่อน

การโหวตไม่ไว้วางใจ : นางเมย์ต้องลาออกจากตำแหน่งหากเธอพ่ายแพ้ในการลงมติไม่ไว้วางใจ แต่เธอสามารถเอาชนะการลงมติได้เนื่องจากยังมีเสียงสนับสนุนจากพรรค Conservatives และพรรค DUP อยู่ แต่หากเกิดการลงมติไม่ไว้วางใจขึ้นอีกครั้ง ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเธอจะยังได้รับเสียงสนับสนุนอยู่หรือไม่

การต่อต้านภายในพรรค : เริ่มมี ส.ส. พรรค Conservative ของนางเมย์ที่เริ่มหันหลังให้กับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเขต Clwyd South ที่ได้ยื่นเรื่องแสดงความไม่ไว้วางใจต่อนางเมย์ไปแล้ว และในวันที่ 15 มิ.ย. พรรค Conservative จะมีการจัดการลงมติไม่ไว้วางใจขึ้นภายในพรรค แต่ไม่ได้ขึ้นตรงกับสภา นางเมย์จึงสามารถเมินการลงมติดังกล่าวได้

การต่อต้านในคณะรัฐมนตรี : เมื่อปี 1990 นางมาร์กาเรต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกบรรดาคณะรัฐมนตรีกดดันให้เธอลาออก ส่วนโอกาสที่ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่นั้น ล่าสุดยังไม่มีสัญญาณว่าคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันต้องการที่จะโค่นล้มนางเมย์แต่อย่างใด

ตัดสินใจลาออกเอง : รายงานจาก BBC ระบุว่า ในปัจจุบันไม่มีความเป็นไปได้เลยที่นางเมย์จะประกาศลาออกแบบกระทันหัน แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ภายหลังจากการเลือกตั้งในรัฐสภาอียู ที่อาจกลายเป็น “หายนะ” ครั้งประวัติศาสตร์

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า นายเอดการ์ แซมบราโน รองหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านของนายฮวน กุยโด หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในรัฐบาลเวเนซุเอลา ถูกลักพาตัวไปโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่ใช้รถบรรทุกพ่วงยกและลากรถยนต์ของนายเอดการ์ไปโดยที่ตัวเขายังติดอยู่ในรถ ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯออกประกาศเตือนรัฐบาลเวเนซุเอลาให้ปล่อยตัวประกัน ไม่เช่นนั้นจะเจอกับผลที่ตามมา

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่นายกุยโดพยายามปลุกระดมกองทัพเวเนซุเอลา ให้ลุกขึ้นมาโค่นล้มรัฐบาลของนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา

· ตัวแทนสหรัฐฯและจีนจะเริ่มต้นการเจรจาทางการค้าโดยมีเป้าหมายเพื่อหาข้อตกลงภายในวันนี้ อย่างไรก็ตาม นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเรีย ประเมินว่า จีนไม่ได้อยู่ในฐานะทางเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องเร่งหาข้อตกลงดังกล่าวให้ได้โดยเร็วแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลจีนได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายตัวด้วยกัน และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจก็เริ่มกลับมามีสมดุล อีกทั้งยังมีความได้เปรียบทางด้านภาษีในภาคเอกชนบางส่วน จึงกล่าวได้ว่า จีนกำลังเข้าร่วมการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯด้วยฐานะทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อ 6 เดือนก่อนอย่างมาก

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แม้ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะร่วงลงอย่างน่าประหลาดใจก็ตาม

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.7% ที่ะรดับ 69.91 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.6% ที่ระดับ 61.76 เหรียญ/บาร์เรล

สงครามการค้าระหว่างประเทศจีนกับสหรัฐฯได้ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้เนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งของโลกทำให้เกิดมุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนเป็นผู้ “ทำลายข้อตกลง” ในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯที่กำลังเกิดขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องประกาศจะขึ้นภาษีกับจีน ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวนายทรัมป์ใช้ในการกล่าวปราศรัยในรัฐฟลอริดา

CRUDE OIL TECHNICAL ANALYSIS


· ราคาน้ำมัน WTI เคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับที่เป็นเส้นเทรนขาขึ้นเดิมของเดือน ธ.ค. โดยยังทรงตัวในกรอบแคบแบบไร้ทิศทาง สำหรับแนวรับแรกวันนี้มองไว้ที่ 60.26 เหรียญ/บาร์เรล ที่ระดับสูงสุดเดิมของเดือน มี.ค. ขณะที่แนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาจะอยู่ที่ 64.54 เหรียญ/บาร์เรล