• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 8 พฤษภาคม 2562

    8 พฤษภาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย จากความผันผวนที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีน ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 28 มี.ค. แตะ 110.20 เยน/ดอลลาร์ และดัชนีมาตรวัดความผันผวนในค่าเงินเยนล่าสุดก็เพิ่มขึ้นมาที่ 12.67% (The Chicago Board Option Exchange’s Japanese Yen Volatility Index)



ขณะที่มาตรวัดความผันผวนในค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้น 4.75% เมื่อวานนี้ และเพิ่มขึ้นแล้ว 11.17% จากวันศุกร์ ทางด้านความผันผวนในเงินปอนด์ปรับขึ้นมาแตะ 3.52%



ภาพระดับวันของเงินหยวนเมื่อวันจันทร์ถือว่าแย่ที่สุดในรอบ 10 เดือน ขณะที่เมื่อวานนี้ทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 4 เดือน ที่ 6.8218 หยวน/ดอลลาร์ ก่อนจะกลับแข็งค่ามา 0.43% ที่ 6.801 หยวน/ดอลลาร์



ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.08% ที่ 97.60 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าไปที่ 1.118 ดอลลาร์/ยูโร



· ตราสารหนี้สหรัฐฯปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ยังคงมีความกังวลต่อการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับลง 2.444% ซึ่งถือเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 1 เม.ย. ขณะที่ผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงมาแถว 2.87%

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า กลุ่มนักลงทุนมีความกังวลจากการที่สหรัฐฯและจีนอาจไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้มากพอในการเจรจาครั้งต่อไปในสัปดาห์นี้ และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้ อันหมายรวมไปถึงอัตราผลกำไรและการกดดันราคาดัชนีหุ้นต่างๆ

การเจรจาระหว่างสองประเทศมีกำหนดการจะเกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐฯในช่วงปลายสัปดาห์นี้ แต่หลังจากความตึงเครียดล่าสุดก็ดูจะมีความเป็นไปได้น้อยลงที่จะเห็นข้อตกลงทางการค้าให้ได้ก่อนที่นายทรัมป์จะทำการขึ้นภาษีรอบใหม่ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนยังเชื่อว่าข้อตกลงจะเป็นไปได้ แต่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นก็อาจทำให้เกิดการขึ้นภาษีได้ก่อนที่ข้อตกลงจะเกิด และหากเป็นอย่างนั้นก็อาจทำให้ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นล่าช้ากว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้



สำหรับกลุ่มนักลงทุนบางส่วน มีความคิดเห็นในทางเดียวกันว่า การข่มขู่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าล่าสุดอาจยิ่งสร้างความเสี่ยงให้แก่ตลาดมากขึ้น รวมทั้งคาดการณ์ว่า อัตราผลประกอบการจะขยายตัวได้เพียง 3% ในปีนี้ หลังจากที่ไตรมาสแรกเติบโตได้สูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อยที่ 1.2%





ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกดูจะได้รับผลกระทบดังกล่าว และคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงตามมา

· รายงานบีโอเจเดือนมี.ค. สะท้อนให้เห็นว่า สมาชิกบอร์ดบริหารของบีโอเจ ระบุว่า บีโอเจจะต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างมากต่อผลกระทบจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินฉบับพิเศษมาเป็นระยะเวลานาน ที่อาจกระทบต่อผลกำไรภาคธนาคารในภูมิภาค และจะมีผลเชิงลบต่อเม็ดเงินในตลาดหุ้นที่อาจค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น จึงควรสนับสนุนให้ภาคธนาคารเตรียมรับมือกับความเสี่ยงระดับสูงที่อาจเกิดขึ้นต่อผลประกอบการของพวกเขาได้


· สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯมีมติผ่านร่างนโยบายว่าด้วยการให้การสนับสนุนไต้หวัน ที่กำลังเผชิญแรงกดดันทั้งทางทหารและทางการเมืองจากประเทศจีน แม้ว่าทางสหรัฐฯกำลังพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าร่วมกับจีนอยู่ก็ตาม


อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสัญญาณว่าร่างนโยบายดังกล่าวจะถูกนำไปลงมติในวุฒิสภาสหรัฐฯเพื่อผ่านเป็นร่างกฎหมายจริงได้เมื่อไหร่

· นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก และพบกับนายกรัฐมนตรีของอิรัก โดยไม่มีการประกาศล่วงหน้า ซึ่งนายปอมเปโอ ได้เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องการจะพูดคุยกับผู้นำอิรัก เพื่อเตือนให้ระวังอิหร่านที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจมากขึ้นเรื่อยๆ


· นายโมฮัมหมัด จาวัด ซาริฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านจะลด “การให้ความร่วมมือ” ภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยเรื่องของนิวเคลียร์ เพื่อตอบโต้ประเทศสมาชิกในข้อตกลงที่ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันจากสหรัฐฯได้ แต่อิหร่านจะไม่ถอนตัวออกจากข้อตกลง

ทั้งนี้ ทางสำนักข่าวในอิหร่านได้มีรายงานว่า รัฐบาลจะดำเนินการเขียนจดหมายระบุรายละเอียดของการลดความร่วมมือไปยังประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯที่ร่วมลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งกลุ่มประเทศดังกล่าว ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี รวมถึง รัสเซีย และจีน

· น้ำมันดิบปิดปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าของสหรัฐฯ-จีน ที่จะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก แต่การคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลาของทางสหรัฐฯก็ยังดูเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนการปรับลงของราคาได้ เนื่องจากภาวะอุปทานมีความตึงตัว


น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 85 เซนต์ ที่ 61.40 เหรียญ/บาร์เรล หรือปิด -1.4% ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดตั้งแต่ 29 มี.ค. ทางด้านน้ำมันดิบ Brent ปิด -1.8% หรือลดลงไป 1.31 เหรียญ ที่ 69.93 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นปิดต่ำสุดตั้งแต่ 4 เม.ย. 



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com