• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 พฤษภาคม 2562

    3 พฤษภาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในแดนบวก และมีแนวโน้มจะปิดตลาดสัปดาห์นี้สูงขึ้น ท่ามกลางแรงหนุนจากกระแสคาดการร์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ตลาดยังรอการประกาศตัวเลขการจ้างงานในคืนนี้ ที่อาจประกาศออกมาสดใสผิดคาดได้

นอกจากตัวเลขทางเศรษฐกิจแล้ว ยังมีถ้อยแถลงจากบรรดาสมาชิกเฟดไม่น้อยกว่า 8 รายที่จะมีถ้อยแถลงภายในคืนนี้ ซึ่งรวมไปถึง นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และนายริชาร์ด คลาริดา รองประธานเฟด

ค่าเงินดอลลาร์ได้รับหนุนแข็งค่าขึ้น นับตั้งแต่ถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ไม่ได้แสดงความกังวลถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังชะลอตัว และระบุว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแต่อย่างใด

ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยจากช่วงต้นสัปดาห์ที่ขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 97.844 จุด หลังจากลงไปทำระดับต่ำสุดที่ 97.149 จุด

ซึ่งในภาพรวมรายสัปดาห์ ดัชนีดอลลาร์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากตลาดญี่ปุ่นและจีนปิดทำการในช่วงวันหยุดยาว ส่งผลให้ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ

ด้านค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนก็ทรงตัวเช่นกัน ที่บริเวณ 111.48 เยน/ดอลลาร์ ตลอดสัปดาห์มีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 111.03 - 111.89 เยน/ดอลลาร์

· ค่าเงินยูโรทรงตัวแถว 1.1172 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากแข็งค่าขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1.1219 จุดของเมื่อคืน ในภาพรวมรายสัปดาห์ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมาได้เล็กน้อย หลังการประกาศข้อมูลภาคอุตสาหกรรมยูโรโซนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ออกมาทรงตัว

· ตลาดคาดการณ์โอกาส 49% ที่เฟดจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ลดน้อยลงจากระดับ 61% ที่คาดไว้เมื่อวันพูธที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 2 ปี ปรับสูงขึ้นได้ 0.06% ในภาพรวมรายสัปดาห์

US DOLLAR TECHNICAL ANALYSIS



· ในกราฟรายวัน ดัชนีดอลลาร์ดูเหมือนจะพยายามขึ้นทดสอบระดับสูงสุดเดิมของเดนือน เม.ย. หลังรีบาวน์ขึ้นมาจากแนวรับที่ 97.52 จุด โดยดัชนีกำลังเคลื่อนไหวในกรอบใต้ระดับสูงสุดของเดือน มิ.ย. ปี 2017 กับระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 98.15 และ 98.33 จุด ส่วนในภาพรวมดัชนียังเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น และมีแนวโน้มจะค่อยๆปรับขึ้นได้ตลอดปี โดยมีแนวรับสำคัญเป็นเส้นเทรนขาขึ้นตั้งแต่เดนือน ก.ย. ปี 2018
USD/JPY: ทรงตัวแถว 111 เยน/ดอลลาร์ รอประกาศ NFP



· ค่าเงินเยนทรงตัวแถวระดับ 111 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับสูงขึ้นจาก 2.50% สู่ระดับ 2.56% ในคืนนี้ผ่านมา เนื่องจากตลาดตอบรับกับท่าทีที่เฟดดูจะเอนเอียงไปทางผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ยังคงมีการเคลื่อนไหวในลักษณะ Neutral หลังจากที่ปิดตลาดค่อนข้างทรงตัวมาติดต่อกัน 3 วันทำการ ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคค่อนข้างที่จะชี้ไปในแดนลบ เนื่องจากค่าเงินยังไม่สามารถปรับขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วันได้ ส่วนในกราฟราย 4 ช.ม. จะเห็นได้ว่าค่าเงินเคลื่อนไหวระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 และ 200 วันที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วันดูจะเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง ทั้งนี้ ค่าเงินจะเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่อเกิดการ Breakout ในทางใดทางหนึ่งจากกรอบ 111.20 – 111.70 เยน/ดอลลาร์

แนวรับ: 111.20 | 110.80 | 110.50

แนวต้าน: 111.70 | 112.00 | 112.45



· การจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะคงอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งได้ในเดือน เม.ย. ขณะที่อัตราค่าจ้างมีแนวโน้มที่จะทรงตัวในระดับที่แข็งแกร่ง จึงอาจบ่งชี้ไปถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อในระดับปานกลาง

โดยการจ้างงานนอกภาคการเกษตรถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือน เม.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 196,000 ตำแหน่งในเดือน มี.ค. แต่การจ้างงานก่อนกำหนดสำหรับปี 2020 ของภาครัฐบาล และพายุฤดูหนาวในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯอาจเป็นปัจจัยให้ตัวเลขจริงประกาศออกมาต่างจากที่คาดการณ์ไว้ได้มาก

นักวิเคราะห์จากสถาบัน Moody’s Analytics ระบุว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก แถมยังไม่ได้อยู่ภาวะ Overheat และยังเหมาะสมที่จะสนับสนุนให้เฟดสามารถคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ทั้งนี้ หากการจ้างงานในเดือน เม.ย. ประกาศออกมาในระดับที่แข็งแกร่ง จะยิ่งสร้างความชัดเจนว่าการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเพียง 33,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ. เป็นข้อมูลที่ผิดพลาด และจะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงลดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปีนี้ได้

· สำหรับอัตราค่าจ้างคาดว่าจะขยายตัวได้ 0.3% ในเดือน เม.ย. หลังจากที่ขยายตัวได้ 0.1% เมื่อเดือน มี.ค. ซึ่งจะทำให้ภาพรวมเฉลี่ยรายปีขยายตัวสู่ระดับ 3.3% จากเดิม 3.2% ในเดือน มี.ค.

ทั้งนี้ แม้อัตราค่าจ้างจะไม่ขยายตัวมากพอที่จะหนุนให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวตาม แต่ก็เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไป หลังจากที่นโยบายปรับลดภาษีเป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านเหรียญ เริ่มส่งผลกระทบน้อยลงตั้งแต่ในปีที่แล้วได้


· อัตราว่างงานถูกคาดว่าจะออกมาทรงตัวที่ 3.8% ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นอัตราว่างงานที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 50 ปี และใกล้เคียงกับคาดการณ์ของเฟด ที่คาดว่าอัตราว่างงานในช่วงปลายปี 2019 จะอยู่ที่ 3.7%

· นายสเตปเฟน มอเรย์ ว่าที่สมาชิกบอร์ดบริหารเฟดที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นผู้เสนอชื่อให้เข้ารับตำแหน่ง ได้สละสิทธิ์ในการรับตำแหน่ง ท่ามกลางเสียงวิพากย์วิจารณ์ในเรื่องของความฝักฝ่ายทางการเมือง มุมมองเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ย และแนวคิดเชิงเหยียดเพศของเขาเอง

โดยนายมอเรย์ได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารับตำแหน่งสมาชิกบอร์ดบริหารของเฟดที่ยังว่างอยู่ 2 ตำแหน่งเมื่อเดือน มี.ค. แต่ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างทางการ ก่อนที่จะรับแรงกดดันไม่ไหวและสละสิทธิ์ไป ส่วนผู้ที่นายทรัมป์เสนอชื่ออีกคนหนึ่ง นายเฮอร์แมน เคน ก็ได้สละสิทธิ์ไปตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เม.ย. เนื่องจากแรงกดดันจากข้อสงสัยของรัฐสภาว่านายเฮอร์แมนได้ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ

· รายงานจากหนังสือพิมพ์ Sankei ของญี่ปุ่นระบุว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ตนพร้อมและยินดีที่จะพบกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ อย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อเจรจายุติความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่ดำเนินมาเป็นเวลานาน


ถ้อยแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนายอาเบะได้พบกับนายทรัมป์เมื่อไม่นานมานี้ และได้มีการกล่าวขอบคุณนายทรัมป์ที่เกลี้ยกล่อมให้เกาหลีเหนือยอมปล่อยตัวบรรดานักโทษชาวญี่ปุ่นที่เกาหลีเหนือจับตัวไป


· ราคาน้ำมันดิบร่วงลง ส่งผลให้ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับลดลง เนื่องจากผลผลิตของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะเริ่มหระทบตลาดโลกในอีกไม่ช้า

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.4% ที่ระดับ 70.49 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.2% ที่ระดับ 61.61 เหรียญ/บาร์เรล

ภาพรวมรายสัปดาห์น้ำมันดิบ Brent ร่วงลงกว่า 2% ขณะที่ WTI ลดลงเกือบ 2.5% ซึ่งลดลงติตด่อกันเป็นสััปดาห์ที่ 2

ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำ Sun Global Investments ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเนื่องจากถูกกดดันจากระดับผลผลิตน้ำมันสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นมากสุดเป็นประวัติการณ์

โดยข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) ระบุว่า ผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12.3 ล้านบาร์เรล/วัน (bpd) ในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านบาร์เรล/วันในปีที่ผ่านมา

CRUDE OIL TECHNICAL ANALYSIS


· ราคาน้ำมัน WTI หลุดแนวรับที่เป็นเทรนขาขึ้นตั้งแต่ระดับต่ำสุดของเดือน ธ.ค. ปีก่อน ส่วนในระยะสั้น นักลงทุนจะจับตาการลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 60.39 เหรียญ/บาร์เรล หากปิดตลาดวันนี้ต่ำกว่าแนวรับดังกล่าว จะมีแนวรับถัดไปที่ 57.24 – 88 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่แนวต้านจะมีอยู่หลายเส้นไปจนถึงระดับ 67.03 เหรียญ/บาร์เรล หากผ่านไปได้จะมีโอกาสขึ้นทดสอบระดับ 70 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com