· ค่าเงินดอลลาร์เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังอ่อนค่าลงเมื่อคืน จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสดใสนัก แต่ยังคงมีแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่กล่าวในเชิงบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เมื่อคืนนี้ ดัชนีภาคอุตสาหกรรมโดย ISM ประกาศออกมาลดลงผิดคาดสู่ระดับ 52.8 จุด พร้อมปรับลดมุมมองต่อการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อลง ส่งผลให้นักลงทุนเทขายค่าเงินดอลลาร์ และกดดันผลตอบแทนพันธบัตรลดลง
· ค่าเงินยูโรแข็งค่ากลับขึ้นมาเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่บริเวณ 1.1198 ดอลลาร์/ยูโร หลังทำระดับสูงสุดที่ 1.1265 ดอลลาร์/ยูโร ไปเมื่อคืน ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 111.55 เยน/ดอลลาร์ ขึ้นมาจากระดับต่ำสุดที่ 111.03 เยน/ดอลลาร์
· ค่าเงินปอนด์ค่อนข้างทรงตัวหลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่าการเจรจา Brexit ระหว่างรัฐบาลอังกฤษและพรรคฝ่ายค้านมีความคืบหน้าค่อนข้างมาก
· โดยค่าเงินปอนด์ทรงตัวบริเวณ 1.3054 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1.3101 ดอลลาร์/ปอนด์เมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดกำลังจับตาการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ ที่คาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย แต่อาจมีถ้อยแถลงที่จะเปลี่ยนแปลงกระแสคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคตได้
EUR/USD Technical Analysis: การรีบาวน์เริ่มอ่อนกำลัง
· การเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงของค่าเงินยูโรเริ่มอ่อนกำลังลงหลังทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และค่าเงินได้ฟื้นตัวขึ้นจากแนวรับที่เป็นจุดต่ำสุดของลักษณะ Falling Wedge โดยมีเป้าหมายของการรีบาวน์แถวระดับแกว่งต่ำสุดของวันที่ 20 มี.ค.
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวถูกจำกัดไว้ในกรอบ ในจากกราฟราย 4 ช.ม. ก็เริ่มมีสัญญาณว่าค่าเงินจะกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงต่อ โดยมีแนวรับแรกอยู่ที่บริเวณ 1.1175-82 ดอลลาร์/ยูโร หากหลุดลงมาจะมีแนวรับถัดไปที่ระดับต่ำสุดของเดือน เม.ย. ที่ 1.1109 ดอลลาร์/ยูโร
หากค่าเงินจะลบล้างสัญญาณของทิศทางขาลง จำเป็นต้องยืนเหนือระดับ 1.1254 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเดือน มี.ค.
ทั้งนี้ การก่อตัวเป็นลักษณะ Wedge ในกราฟรายวันบ่งชี้ถึงสัญญาณของทิศทางขาขึ้น ซึ่งสัญญาณดังกล่าวจะถูกลบล้างออกไปในกรณีที่ค่าเงินหลุดต่ำกว่า 1.11 ดอลลาร์/ยูโร และหลุดลงมาก็จะมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อ
· นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ค่าเงินเยนลดภาวะอ่อนค่าหลังจากที่เฟดจบประชุม โดยค่าเงินเยนพุ่งไป 111.70 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางดอลลาร์ที่ปรับอ่อนค่าลง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวในสภาวะ Risk-On
ทั้งนี้ หลังจากที่เฟดจบประชุม ท่ามกลางการซื้อขายในตลาดหุ้นที่เคลื่อนไหวในเชิงลบ และตราสารหนี้มีการรีบาวน์จากระดับต่ำสุดของวัน อย่างไรก็ดี ค่าเงินเยนก็ยังดูมีท่าทีอ่อนค่าเมื่อเทียบกับอุปสงค์ของค่าเงินดอลลาร์ ในภาพกราฟราย 4 ชั่วโมง ยังดูจะไม่สามารถปรับแข็งค่าขึ้นได้มากกว่านี้ เนื่องจากยังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยขาลงราย 20 SMA ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคมีการดีดกลับจากระดับต่ำสุดในภาพรายวัน แต่จำเป็นต้องเห็นสัญญาณที่ชัดเจนกว่านี้ โดยค่าเงินเยนจะมีแนวต้านที่ี 111.7 เยน/ดอลลาร์ และดูมีแนวโน้มจะฝ่าไปได้ต่อ แม้ว่าจะยังไม่ค่อยเคลื่อนไหวจนกว่าจะทราบรายงานจ้างงานสหรัฐฯครั้งต่อไป
แนวรับ: 111.20 110.80 110.50
แนวต้าน: 111.70 112.00 112.45
· กิจกรรมภาคการผลิตในเอเชียฟื้นตัวเมื่อเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ยังคงชะลอตัว เนื่องจากความต้องการทั่วโลกยังคงลดลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนก็ยังไม่ได้ผลเต็มที่
· ภาพรวมของนโยบายการเงินในภูมิภาคค่อนข้างเอนเอียงไปเชิงผ่อนคลาย โดยเฉพาะมาเลเซียและนิวซีแลนด์ที่มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากที่สุด ขณะที่ออสเตรเลียจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
· ราคาน้ำมันปรับตัวลงในวันนี้ ท่ามกลางแรงกดดันจากปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อปริมาณสต็อกน้ำมัน ขณะที่ตลาดน้ำมันนอกสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว หลังจากสหรัฐฯยกเลิกคำสั่งยกเว้นให้บางประเทศสามารถน้ำมันจากเวเนซุเอลา
โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.5% บริเวณ 71.81 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.4% บริเวณ 63.33 เหรียญ/บาร์เรล
รายงานจาก EIA ระบุว่า ปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2017 โดยเพิ่มขึ้นอีก 9.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 470.6 ล้านบาร์เรล ท่ามกลางอัตราการผลิตน้ำมันในประเทศที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 12.3 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ปริมาณการกลั่นน้ำมันกลับชะลอตัวลง