• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 30 เมษายน 2562

    30 เมษายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ท่ามกลางตลาดที่ซบเซาวันนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียอ่อนค่าลงมากที่สุด หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนประกาศออกมาน่าผิดหวัง
โดยค่าเงินออสเตรเรียดอลลาร์ที่เปรียบเสมือนมาตรวัดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของตลาด อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดที่ 0.7045 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาทรงตัวบริเวณ 0.7064 ดอลลาร์

ขณะที่ค่าเงินเยน ซึ่งเป็น Safe-haven ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐฯที่ 111.50 เยน/ดอลลาร์

ส่วนดัชนีดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 97.813 จุด เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 23 เดือนที่ 98.330 จุดที่เพิ่งขึ้นไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนภาพรวมรายเดือน ดัชนีแข็งค่าขึ้นมา 0.5%

· ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1187 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนวันนี้ โดยรายงานคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะเติบโตได้ 0.3% ในไตรมาสที่ 1 ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่สูงกว่าในไตรมาสก่อนหน้า หากประกาศออกมาตามคาดจริง จะเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มกลับมามีสมดุล


EUR/USD TECHNICAL ANALYSIS

· ค่าเงินยูโรเป็นค่าเงินที่มีผลประกอบการดีที่สุดในตลาดที่เงียบเหงาเมื่อวานนี้ โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นจากอัตราผลตอบแทนพับธบัตรในยูโรโซนที่ปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรอิตาลีอายุ 2 ปี ที่เริ่มมีช่องว่างระหว่างพันธบัตรเยอรมันอายุ 2 ปีที่แคบลง

การเคลื่อนไหวดังกล่าว บ่งชี้ถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะทางเมืองของอิตาลีที่ลดน้อยลง ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่ S&P Global Ratings ชะลอการปรับลดความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจอิตาลีออกไปก่อน

สำหรับมุมมองทางเทคนิคของค่าเงินยูโรวันนี้ Daily FX ระบุว่า ในกราฟราย 4 ช.ม. จะเห็นได้ว่าค่าเงินเคลื่อนไหวอยู่ใต้แนวต้านของเทรนขาลงที่ก่อตัวในช่วงกลางเดือน เม.ย. และยังมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 1.1176 และ 1.1199 ดอลลาร์/ยูโร หากค่าเงินไม่สามารถผ่านแนวต้านเหล่านี้ได้ ค่าเงินมีโอกาสที่จะย่อตัวลงมาถึงบริเวณ 1.1119 ดอลลาร์/ยูโร

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมด้วยลูกๆทั้ง 3 คนและอีก 7 บริษัทของเขา ได้ยื่นฟ้องร้องร่วมต่อ Deutsche Bank และ Capital One Financial Corp เพื่อกีดกันไม่ให้ทางธนาคารสามารถดำเนินการตามหมายศาลที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบการเงินของนายทรัมป์

โดยเนื้อหาของการยื่นฟ้องร้องครั้งนี้ ระบุไว้ว่า การออกหมายศาลมีขึ้นเพื่อสร้างความอับอายให้กับนายทรัมป์ ด้วยการตรวจสอบการเงินและการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเรื่องส่วนตัวของเขา

· รายงานจากสำนักข่าว The Times ระบุว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีการเจรจาที่คืบหน้าอย่างมากร่วมกับพรรค Labour ที่เป็นฝ่ายค้านในรัฐสภา

โดยในรายงานระบุว่า พรรค Labour ยอมเปลี่ยนแปลงข้อเรียกร้องเกี่ยวกับระบบศุลกากรร่วมกับสหภาพยุโรปหลังการ Brexit และการเจรจาร่วมกับพรรคฝ่ายค้านน่าจะสามารถดำเนินต่อไปได้จนถึงสัปดาห์หน้า


· การประชุมเฟดสัปดาห์นี้ เป็นที่คาดการณ์ว่าเฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25 – 2.50% เนื่องจากเศรษฐกิจเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 แม้จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ถูกกดดันด้วยภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ค่อยสดใสนัก

บรรดาสมาชิกเฟดในช่วงที่ผ่านมาต่างไม่มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงินใดๆ ขณะที่ตลาดยังคงยึดมั่นกับถ้อยแถลงของประธานเฟดที่กล่าวว่า เฟดจะ “อดทน” ต่อการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อจับตาทิศทางของเศรษฐกิจ

· เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group คาดโอกาสที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ไว้ที่ 97%

· นายแลรี่ คุดโลว์ ทีปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ระบุว่า ทางรัฐบาลมีความพร้อมที่จะออกนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรหากเห็นว่ามีความจำเป็น หลังจากเมื่อปีก่อน ทางรัฐบาลได้มีการออกเงินช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศเป็นมูลค่าถึง 1.2 หมื่นล้านเหรียญ

ทั้งนี้ แม้เกษตรกรส่วนใหญ่จะยังคงให้การสนับสนุนทีมบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ก็เริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งยุติความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่เป็นปัญหาทำให้ระดับหนี้สินของเกษตรกรพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ โดยเฉพาะในพื้นที่ทุรกันดาน

· นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ กล่าวแสดงความหวังว่า การเจรจาการค้าร่วมกับตัวแทนประเทศจีนวันนี้จะสามารถมีความคืบหน้าครั้งสำคัญได้ โดยเป็นการกล่าวให้สัมภาษณ์กับบรรดานักข่าวก่อนเข้าร่วมการเจรจาที่จะจัดขึ้นในวันนี้

หลังการเจรจาในสัปดาห์นี้จบลง นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจจีน จะเป็นฝ่ายเดินทางไปกรุงวอชิงตัน เพื่อร่วมเจรจากับสหรัฐฯภายในสัปดาห์ถัดไป

· ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ หลังจากซาอุดิอาระเบียกล่าวว่าข้อตกลงระหว่างกลุ่มโอเปกอาจจะสามารถขยายออกไปจนถึงเดือนมิถุนายนในปีนี้

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ะรดับ 72.25 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 63.67 เหรียญ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันลดลงก่อนหน้านี้ หลังจากข้อมูลกิจกรรมภาคการผลิตของจีนที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน รวมถึงสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงพยายามเพื่อฟื้นตัวมาอีกครั้ง

แม้จะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก แต่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเกือบ 40% นับตั้งแต่เดือนมกราคม โดยได้รับแรงหนุนจากการลดภาวะอุปทานของกลุ่มโอเปก รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลาของสหรัฐฯ

CRUDE OIL TECHNICAL ANALYSIS



· ราคาน้ำมัน WTI ยังเคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัวใกล้แนวรับที่ 63.30 เหรียญ/บาร์เรล หากราคาปิดตลาดวันนี้ต่ำกว่าแนวรับ จะมีแนวรับถัดไปที่ 60.39 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนแนวต้านจะมีอยู่หลายเส้นไปจนถึงระดับ 67.03 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งราคาต้องขึ้นเหนือแนวต้านเหล่านี้ไปให้ได้ ถึงจะมีโอกาสกลับไปทดสอบระดับ 70 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com