• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 26 เมษายน 2562

    26 เมษายน 2562 | Economic News
· FXStreet ระบุว่า ค่าเงินเยนทรงตัวใกล้ระดับอ่อนค่ามากที่สุดบริเวณ 111.80 เยน/ดอลลาร์ ก่อนจะกลับมาแข็งค่าที่ 111.46 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ CPI ญี่ปุ่นดีขึ้นเกินคาด ตลาดมุ่งจับตาไปยังประมาณการณ์จีดีพีไตรมาสสหรัฐฯที่ 1/2019

ในทางเทคนิคค่าเงินเยนมีแนวโน้มจะแข็งค่าได้ต่อหลังจากที่ไม่สามารถ Breakout จากระดับอ่อนค่ามากที่สุด โดยที่ค่าเงินเยนยังอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย SMA ราย 20 และ 100 วัน ขณะที่เส้น SMA200 ถือเป็นแนวรับสำคัญ และคาดว่ายังมีโอกาสเห็นเงินเยนมีทิศทางแข็งค่าดได้ต่อ

แนวรับ: 112.00 111.60 111.25

แนวต้าน: 112.40 112.85 113.10

EUR/USD Technical Analysis: ทิศทางต่อไปของยูโร หลังทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี?


· ค่าเงินยูโรได้อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์เมื่อวานนี้ สำหรับวันนี้ค่าเงินมีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงต่อ โดยกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ มองแนวรับไว้ที่ 1.1110 และ 1.1024 ดอลลาร์/ยูโร หากหลุดลงมาจะมีโอกาสย่อตัวไปบริเวณ 1.0778 – 1.0874 ดอลลาร์/ยูโร

เมื่อพิจารณาจากราฟรายวัน จะเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ส.ค. ปีก่อน ได้ก่อตัวเป็นลักษณะ Falling Wedge บ่งชี้ถึง ทิศทางขาลงที่เริ่มอ่อนกำลัง และอาจกลับตัวเป็นขาขึ้น ประกอบกับสัญญาณจากเส้น RSI ที่เคลื่อนไหวแดนบวก ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนมุมมองว่าค่าเงินยังมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้น

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ค่าเงินจะย่อตัวลงต่อในระยะสั้นก็ยังมีมากกว่า ส่วนสัญญาณที่ค่าเงินอาจกลับตัวเป็นขาขึ้นในภาพระยะกลางและยาวนั้น ยังจำเป็นต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของค่าเงินต่อไปเสียก่อน

· นายาโมเตกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจญี่ปุ่น ระบุว่า การประชุมร่วมกับนายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ตัวแทนการค้าของสหรัฐฯเมื่อวานนี้ ไม่ได้ถูกหยิบยกประเด็นค่าเงินเพื่อเจรจาทางการค้าตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมากับทางสหรัฐฯ โดยยังไม่มีข้อเรียกร้องใดๆจากทางสหรัฐฯในการคุมเข้มการนำเข้ารถยนต์ และทั้ง 2 ประเทศก็ยังไม่มีรายละเอียดการหารือใดๆ ในเรื่องเกษตรกรและรถยนต์

· ผลสำรวจโดย Reuters ที่รวบรวมความคิดเห็นของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำกว่า 500 ราย เชื่อว่าวัฏจักรของการคุมเข้มทางการเงินจากธนาคารกลางส่วนใหญ่ได้จบสิ้นลง และเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ซบเซา

ผลกระทบของการจบวัฏจักรคุมเข้มทางการเงินจะเห็นได้อย่างชัดเจนในตลาดพันธบัตร ซึ่งอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสำคัญๆ ต่างพากันปรับร่วงลงต่อเนื่องภายในปีนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะดัชนี S&P 500 ที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ดัชนีเปิดตลาดปีนี้อย่างแข็งแกร่งมากที่สุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษ

· สเปนจะมีการจัดเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 28 เม.ย. และผลโหวตอาจสร้างเรื่องประหลาดใจและอาจสร้างความไม่แน่นอนทา

งการเมืองเพิ่มขึ้นในยุโรปได้

ขณะที่ผลสำรวจเมื่อไม่กี่สัปดาห์ ก็มีมมุมองว่านายซานเชส จากพรรคสังคมนิยมอาจได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ชัยชนะดังกล่าวก็อาจไม่เพียงพอที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลเดี่ยวได้

อย่างไรก็ดี ไม่ว่าใครจะได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ทุกสายตาต่างก็จับจ้องและให้ความสำคัญไปยังการสนับสนุนทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน ที่ต้องก่อให้เกิดการปฏิรูปเพื่อให้ประเทศพัฒนาศักยภาพด้านการแข่งขันมากยิ่งขึ้น แต่การจัดการกับความเชื่อมั่นทางชาตินิยม อุปสรรค และปัญหาที่ยังไม่ถูกแก้ไข คือ การที่พรรคคาตาลันต้องการขอแยกตัวจากยุโรป

· ในวันน่ี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีกำหนดการกล่าวแถลงการณ์สำหรับงาน China's Belt and Road Forum เกี่ยวกับแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน โดยในส่วนใหญ่มีการมุ่งเน้นถึงประเด็นหลัก Trade War ที่กำลังดำเนินไประหว่างสหรัฐฯและจีน โดยนายสี ระบุว่า จีนจะทำการเพิ่มการป้องกันการละเมิดสินทรัพย์ทางปัญญา และยุติการถ่ายโอนเทคโนโลยีตามอำเภอใจ ที่ถือเป็น 2 ประเด็นหลักในการหารือข้อขัดแย้งทางการค้าในเวลานี้ของทั้ง 2 ประเทศ

นอกจากนี้ จีนจะทำการปรับนโยบายระดับมหพภาคให้มีความแข็งแกร่งที่สอดคล้องกับประเทศเศรษฐกิจหลักใหญ่ๆ เพื่อให้เกิดการกระจายตัวเชิงบวก พร้อมกันนี้ นายสี กล่าวย้ำว่า จีนจะไม่ทำการใช้การลดค่าเงินเพื่อให้ค่าเงินประเทศอื่นแข็งค่า แต่ในการกล่าวถ้อยแถลงวาระนี้ดูเหมือนเขาจะให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นต่อแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ในระดับปานกลางในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งอาจช่วยขจัดความกังวลในช่วงต้นเกี่ยวกับภาวะถดถอย แม้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยขับเคลื่อนชั่วคราวเท่านั้น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯจะทำการเปิดเผยรายงานคาดการณ์ GDP ไตรมาสแรก ครั้งที่ 1 ในเวลา 19.30น. (ตามเวลาไทย) ที่ถูกคาดว่าจะเห็นภาพความเป็นไปได้ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยผลกระทบส่วนใหญ่มาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เลือนลางลงไป ประกอบกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ผ่านมา

ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ของ Reuters มีมุมมองว่า จีดีพีสหรัฐฯมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นราว 2.0% ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา อันเนื่องจากการเพิ่มของยอดส่งออก ความแข็งแกร่งของคลังสต็อกสินค้า และการลงุทนในภาครัฐบาล โครงการก่อสร้าง ที่ช่วยชดเชยการชะลอตัวในกลุ่มค่าใช้จ่ายภาคธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภค

· หัวหน้าพรรค 5-Star Movement คาดว่านายจูเซปเป้ คอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี จะสั่งปลดนายอาร์มานโด สิริ ปลัดกระทรวงการคมนาคมและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังถูกสอบสวนในกรณีรับเงินใต้โต๊ะเพื่อให้การสนับสนุนบริษัทด้านพลังงานแห่งหนึ่ง

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงจากความคาดหวังที่ว่าบรรคกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันอาจมีการเพิ่มกำลังการผลิตในเร็วๆนี้ ท่ามกลางยอดส่งออกน้ำมันจากอิหร่านที่ปรับตัวลดลงตามมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดขึ้นจากทางสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ตลาดน้ำมันยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ท่ามกลางอุปทานที่อ่อนตัวและความกังวลทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาวะตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

น้ำมันดิบ Brent อ่อนตัวลง 19 เซนต์ ที่ 74.16 เหรียญ/บาร์เรล หรือคิดเป็น -0.3% โดยอ่อนตัวลงต่อจากระดับปิดวานนี้

น้ำมันดิบ WTI ปรับลง 38 เซนต์ หรือ-0.6% ที่ 64.83 เหรียญ/บาร์เรล

ราคาน้ำมั้นดิบ Brent ร่วงลงหลังไปทำระดับสูงสุดครั้งแรกในรอบปีที่บริเวณ 75 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เยอรมนี, โปแลนด์ และสโลวาเกีย สงสัยว่า การนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซียผ่านทางท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ได้คุณภาพผลผลิตในระดับต่ำ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com