• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 25 เมษายน 2562

    25 เมษายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินยูโรยังคงเคลื่อนไหวอ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน ท่ามกลางแรงกดดันหลังตัวเลขเศรษฐกิจเยอรมนีประกาศออกมาเป็นที่ผิดหวังต่อตลาดเมื่อวานนี้ และความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งของสเปนที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจสร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองให้กับยูโรโซนได้

โดยค่าเงินวันนี้ทรงตัวแถว 1.1154 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากปรับร่วงลงเมื่อวานนี้ด้วยอัตราที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ หรือ 0.6% ทำระดับต่ำสุดที่ 1.1141 ดอลลาร์/ยูโร

· นักวิเคราะห์จาก Commerzbank ระบุว่า ค่าเงินยูโรโซนถูกกดดันด้วยภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองและความอ่อนแอของเศรษฐกิจยูโรโซน โดยเฉพาะในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกลับอยู่ในทิศทางที่สดใส

· ด้านดัชนีดอลลาร์แข็งค่ากว่า 0.5% ทำระดับสูงสุดในรอบ 23 เดือน ที่ 98.189 จุดเมื่อวานนี้ ขณะที่ดัชนีในวันนี้อ่อนค่าลงเล็กน้อยประมาณ 0.15% เคลื่อนไหวแถว 98.027 จุด


· นักลงทุนกำลังรอการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 1 ของสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังคงเติบโตได้แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจอื่นๆ

EUR/USD analysis: sellers will try to challenge the 1.1100 figure


· นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ดอลลาร์ยังคงแข็งค่า ท่ามกลางตลาดหุ้นที่เริ่มมีการอ่อนค่าลงมา โดยปราศจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เกื้อหนุนความต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงให้เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงใกล้ระดับต่ำสุดรอบเกือบปี จากข่าวเศรษฐกิจเยอรมนีที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ของเยอรมนีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 0.0% สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีร่วงลงกว่าคาดแตะ 99.2 จุด จากเดิมในเดือนก่อนหน้าที่ 99.6 จุดในเดือนมี.ค. ทางด้านสหรัฐฯไม่มีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจใดๆ แต่คืนนี้ต้องจับตาไปยังข้อมูลคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ และการประกาศจีดีพี Q1/19 ในคืนวันศุกร์


ค่าเงินยูโรจากแถว 1.1440 ดอลลาร์/ยูโร ร่วงลงมาทำเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่มิ.ย. ปี 2017 โดยทางเทคนิคในภาพราย 4 ชม. ไม่เพียงแต่ค่าเงินจะร่วงลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหมด แต่ Indicators ก็มีสัญญาณการปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว จึงยิ่งตอกย้ำถึงภาวะขาลงที่แข็งแกร่ง และมีการทำระดับต่ำสุดใหม่รายสัปดาห์ และ RSI มีสัญญาณ Oversold และดูเหมือนภาวะขาลงที่เกิดขึ้นจะกดดันให้ค่าเงินยูโรปรับลงสู่ 1.1100 ดอลลาร์/ยูโร และมีโอกาสกลับทดสอบได้

แนวรับ: 1.1140 1.1100 1.1065

แนวต้าน: 1.1200 1.1235 1.1280

· เศรษฐกิจเกาหลีใต้ในไตรมาสที่ 1 ชะลอตัวลงด้วยอัตราที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤติทางการเงินโลก ผิดกับคาดการณ์ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการที่การใช้จ่ายของภาครัฐไม่สามารถช่วยหนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อจากไตรมาสก่อนที่เติบโตได้แข็งแกร่ง และการที่ภาคบริษัทปรับลดการลงทุนลง ท่ามกลางความข้ดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

โดย GDP ของเกาหลีใต้ในไตรมาสที่ 1 ปรับลดลงด้วยอัตรา -0.3% ซึ่งเป็นอัตราที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2008 ที่ GDP ชะลอตัวลงไปถึง 3.3% ขณะที่คาดการณ์กลับมองไว้ว่า GDP จะขยายตัวได้ 0.3%

· ผู้เชี่ยวชาญจาก Credit Suisse กล่าวในที่ประชุม Global Supertrends Conference กล่าวว่า จีนมีโอกาสที่จะขยับขึ้นมามีอำนาจในการผลิกโฉมเศรษฐกิจโลก และหากเป็นเช่นนั้นจริง บรรดาผู้นำประเทศควรยอมรับ ให้การสนับสนุน และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเศรษฐกิจของตัวเอง รวมทั้งช่วยควบคุมพฤติกรรมที่ไม่ดีบางอย่างของจีนให้อยู่ในกรอบที่ยอมรับได้

· บีโอเจระบุว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำแบบพิเศษต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทางบีโอเจเปิดเผยระยะเวลาขั้นต่ำสำหรับการคงอัตราดอกเบี้ยให้กับตลาด และยังสอดคล้องกับแนวทางดำเนินนโยบายของเฟดและอีซีบี ที่ตัดสินใจจะคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ในปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก


· สำหรับคาดการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ทางบีโอเจเปิดเผยหลังการประชุมในวันนี้ พบว่าบีโอเจมีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ลงเล็กน้อย

โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 0.9% จนถึงปีงบประมาณถัดไป ในเดือน เม.ย. ปี 2020 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.0% แต่ยังคงสูงกว่าที่แบบสำรวจของ Reuters คาดการณ์ไว้

ส่วนอัตราเงินเฟ้อ คาดว่าจะเติบโตสู่ระดับ 1.6% ได้ภายในปีหน้า ซึ่งน่าจะยังขยายตัวไปไม่ถึงระดับเป้าหมายที่ 2% ต่อไปอีกอย่างน้อย 3 ปี หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวได้ 0.8% เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

· รองประธานของธนาคารกลางแห่งประเทศจีน กล่าวว่า ทางธนาคารกลางยังไม่มีแนวคิดที่จะคุมเข้ม หรือผ่อนคลายนโยบายการเงินในช่วงนี้แต่อย่างใด

ซึ่งตลาดมองว่า มุมมองของธนาคารกลางได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยยะสำคัญ นับตั้งแต่ตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 1 ของจีนประกาศออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนน่าจะกลับมาอยู่ในในระดับสมดุลได้แล้ว หลังมีการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายต่อหลายตัว และทางธนาคารกลางน่าจะชะลอการดำเนินนโยบาย เพื่อประเมินสภาวะของเศรษฐกิจไปก่อน

· นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้พบและจับมือกับนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ในวันนี้ ทั้งสองผู้นำได้จัดการประชุมร่วมกันเพื่อแสดงให้สหรัฐฯเห็นว่า พวกเขาไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจเดียวที่สามารถโน้มน้าวเกาหลีเหนือเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ได้

ซึ่งนายปูตินได้กล่าวหลังการประชุมร่วมกันในวาระที่หนึ่งเสร็จสิ้น ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายมีเจรจาคืบหน้าไปด้วยดี รวมถึงหัวข้อเกี่ยวกับนิวเคลียร์ ขณะที่ทั้งสองยังมีกำหนดการที่จะประชุมในวาระถัดไปภายในวันนี้

· ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้นเหนือระดับ 75 เหรียญ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกของปีนี้ ท่ามกลางการคว่ำบาตรน้ำมันจากอิหร่าน ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นอย่างจำกัด เนื่องจากปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.4% บริเวณ 74.90 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากทำระดับสูงสุดใหม่ของปี 2019 ที่ 75.01 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้นเพียง 5 เซนต์จากระดับปิดตลาด มาที่บริเวณ 65.94 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com