• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 มีนาคม 2562

    19 มีนาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยวานนี้ โดยยังคงเคลื่อนไหวใกล้กับระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางความระมัดระวังเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการคงดอกเบี้ยของเฟดที่ทำให้ดอลลาร์ยังคงอ่อนค่า



ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่ามาทรงตัวแถว 96.5 จุด หลังจากที่วันศุกร์ทำระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 96.376 จุด โดยเป็นผลหลักๆมาจากท่าทีที่เฟดน่าจะดูอ่อนลงต่อแนวทางการขึ้นดอกเบี้ย



· หัวหน้านักวิเคราะห์ FX จาก Jeffries ระบุว่า เฟดถือเป็นข่าวใหญ่ที่น่าสนใจที่สุดในสัปดาห์นี้ และตลาดกำลังมองท่าทีที่เฟดจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน ที่ดูจะเป็นปัจจัยลบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดดูจะปรับตัวลง รวมทั้งมุมมองที่เฟดอาจต้องรอต่อการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีข้างหน้า



อย่างไรก็ดี นักลงทุนน่าจะรอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนที่เฟดจะทำการชะลอหรือยุติการลดพันธบัตรในพอร์ตลงเกือบ 3.8 ล้านล้านเหรียญ



· ค่าเงินรูเบิลของรัสเซีย ปรับแข็งค่าทำระดับสูงสุดรอบ 7 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ทางด้านค่าเงินปอนด์ปรับลงต่ำกว่าระดับ 1.32 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่โฆษกรัฐสภาอังกฤษ กล่าวว่า ข้อตกลงของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษอาจไม่ได้สามารถลงมติได้อีกครั้ง ยกเว้นจะหาข้อเสนอที่แตกต่างจากเดิม



· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยประชุมเฟดสัปดาห์นี้ หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ผลตอบแทนอายุ 10 ปีปรับตัวลงไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนม.ค. ขณะที่เมื่อคืนนี้ขยับขึ้นมาทรงตัวได้ที่ 2.603% ทางด้านอัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปีทรงตัวบริเวณ 3.014%



· ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จาก Bloomberg ระบุว่า เฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้เพียง 1 ครั้งในปีนี้ โดยค่ากลางของผู้ตอบแบบสอบถามในระหว่าง 13-15 มี.ค. เชื่อว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้จะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในเดือนก.ย. โดยลดลงจากผลสำรวจก่อนหน้าที่ชี้ว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้สองครั้งในปีนี้ (อีกครั้งในเดือนธ.ค.) และมองว่าเฟดมีแนวโน้มจะยุติวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยในกรอบเป้าหมาย 2.75% หลังจากที่ 3 เดือนก่อนเฟดประเมินไว้สูงสุดที่ 3.25% ขณะเดียวกันผลสำรวจยังชี้ไปในทางเดียวกันว่าเฟดน่าจะไปขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวาระนี้




อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มองไปในทางเดียวกันว่าอาจเห็นความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เป็นตัวกดดันภาวะขาขึ้นทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ อันหมายรวมถึง การชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก ที่จะเป็นปัจจัยใหญ่ที่คุกคามต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีนี้ ประกอบกับข้อขัดแย้งทางการค้า และการคุมเข้มทางการเงินของเฟด

· รัฐมนตรีกระทรวงการค้าแห่งอังกฤษ ระบุว่า อังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าหลัง Brexit ร่วมกับไอซ์แลนด์และนอร์เวย์ได้ โดยเป็นข้อตกลงที่จะทำให้ทั้ง 3 ประเทศสามารถดำเนินการค้าร่วมกันต่อได้หากอังกฤษถอนตัวออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลง

ทั้งนี้ อังกฤษกำลังพยายามที่จะหาข้อตกลงทางการค้าแบบทวิภาคีร่วมกับอีก 40 ประเทศให้ได้ก่อนที่จะถอนตัวออกจากอียู เนื่องจาก หากอังกฤษถอนตัวแบบปราศจากข้อตกลงกับอียู ข้อตกลงแบบทวิภาคีใดๆของอังกฤษจะถือเป็นโมฆะโดยทันที

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า บรรดาผู้นำในอียูมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับ Brexit ระหว่างการประชุมที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่านางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะมีข้อเรียกร้องต่ออียูอย่างไร

รายงานดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่โฆษกประจำรัฐสภาอังกฤษออกมากล่าวว่า รัฐสภาจะไม่ยอมให้จัดการลงมติในข้อตกลง Brexit หากข้อตกลงดังกล่าวไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใดๆ จากเดิมที่ถูกคาดการณ์ไว้ว่าการลงมติในข้อตกลงน่าจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน

· กระทรวงการคลังแห่งเยอรมนี ประกาศแผนงบประมาณสำหรับปี 2020 โดยขอเพิ่มค่าใช้จ่ายของภาครัฐขึ้นอีก 1.7% สู่ระดับ 3.626 แสนล้านยูโร และจะพึ่งพาการปรับลดงบประมาณของภาครัฐเพื่อหลีกเลี่ยงการก่อตัวของหนี้สาธารณะ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ถูกคาดการณ์ว่าจะชะลอการเติบโตลงสู่ระดับ 1.0% ในปี 2019 จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1.8%

นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯยังยอมรับว่า เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นในช่วงต้นปี 2019 และมีแนวโน้มที่ไตรมาสแรกจะเติบโตได้อย่างจำกัด โดยมีแรงกดดันหลักๆมาจากประเด็นข้อพิพาททางการค้า และปริมาณอุปสงค์ในสินค้าอุตสาหกรรมที่อ่อนแอลง

· นางอังเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แสดงความต้องการให้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนขยายตัวได้ถึงเป้าหมายของอีซีบีที่ 2% เพื่อที่ทางอีซีบีจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินได้

ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นเมื่อวานนี้ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากโอกาสที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกจะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตต่อไป ประกอบกับสัญญาณการร่วงลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ


ทั้งนี้ กลุ่มโอเปก และชาติพันธมิตรอย่างประเทศอาเซอร์ไบจาน ต่างเข้มงวดต่อข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต และอาจมีการขยายเวลาของข้อตกลงออกไป หลังมีการยกเลิกการประชุมร่วมกันในเดือนเม.ย. และสะท้อนว่ากลุ่มโอเปกจะยังใช้นโยบายข้อตกลงดังกล่าวต่อไป และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจใดๆ ก่อนการประชุมเดือนมิ.ย.



เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประเทศซาอุดิอาระเบียส่งสัญญาณว่าจะทำการขยายปริมาณการปรับลดกำลังการผลิตออกไปที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน



น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 57 เซนต์ ที่ระดับ 59.09 เหรียญ/บาร์เรล หรือปรับขึ้นประมาณ 1% และนับเป็นราคาปิดที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ 12 พ.ย. ปีที่แล้ว ประกอบกับช่วงต้นตลาดไปทำระดับสูงสุดรอบ 4 เดือนที่ 59.23 เหรียญ/บาร์เรล



น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 38 เซนต์ คิดเป็น +0.5% ที่ 67.54 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ไปทำระดับสูงสุดของปีที่ 68.14 เหรียญ/บาร์เรลในคืนวันศุกร์

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com