• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 15 มีนาคม 2562

    15 มีนาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์นี้ ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินปอนด์หลังจากที่รัฐสภาอังกฤษมีมติขยายเวลา Brexit ออกไปจาก 29 มี.ค.นี้ โดยเงินปอนด์ร่วงลง 0.54% ที่ระดับ 1.3266 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางเสียงสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีอังกฤษเจรจาขอเลื่อน Brexit จากอียู


นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในค่าเงินปอนด์ จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit ที่กำลังเกิดขึ้น โดยเราต้องรอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวให้มากกว่านี้


ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่ามา 0.22% ที่ระดับ 96.757 จุด หลังจากที่ช่วงต้นตลาดร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 9 วันที่ 96.385 จุด


· นายดริว เฮนดรีย์ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษจากสกอตแลนด์ กล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า ข้อตกลงของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังคงเผชิญกับเสียงปฏิเสธในรัฐสภา และน่าจะเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือการให้ประชาชนชาวอังกฤษทำการลงประชามติ Brexit ครั้งที่ 2 ขณะที่เมื่อคืนนี้ เสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภายังคงเรียกร้องขอขยายระยะเวลาที่อังกฤษจะออกจากอียู หรือขยาย Article 50 ออกไปก่อน และหากอังกฤษสามารถร้องขอขยายระยะเวลาได้จริง ก็อาจเปิดโอกาสสำหรับความเป็นไปได้ที่จะเห็นการลงประชามติครั้งที่ 2 และเชื่อว่าชาวสกอตแลนด์ส่วนใหญ่กว่า 62% จะยังเห็นด้วยกับการที่อังกฤษควรดำรงอยู่ในอียู เนื่องจาก Brexit จะนำมาซึ่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ

· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีความตั้งใจที่จะนำข้อตกลง Brexit ที่เคยถูกโหวตปฏิเสธไปถึงสองครั้ง กลับมาลงมติอีกเป็นครั้ง 3 ภายในสัปดาห์หน้า โดยนางเมย์ได้เคยกล่าวเตือนรัฐสภาว่า หากยังไม่สามารถหาข้อตกลงที่เป็นเอกฉันท์ได้ การเลื่อนระยะเวลา Brexit ออกไปเป็นระยะเวลานานอาจเป็นสิ่งที่จำเป็น

ทั้งนี้ แม้ยังไม่มีวันที่ชัดเจนว่ารัฐสภาจะมีการลงมติอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่ท่าทีของรัฐสภาบ่งชี้ว่า การลงมติน่าจะเกิดก่อนวันที่ 20 มี.ค.


· นักวิเคราะห์จาก Citi ระบุว่า หากการลงมติข้อตกลงรอบ 3 สามารถผ่านไปได้ อังกฤษก็จะขอขยายระยะเวลาของมาตรา 50 ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. เพื่อผลักดันข้อตกลงให้มีผลบังคับใช้ ในอีกทางหนึ่ง การเลื่อนระยะเวลาออกไปยาวนานเป็นสิ่งที่จำเป็น และทางอียูต้องจัดการเลือกตั้งในสภาเสียก่อน


ทั้งนี้ การเลื่อนระยะเวลานาน นางเมย์น่าจะมีวัตถุประสงค์คือเพื่อโน้มน้าวให้พรรค ERG และ DUP ร่วมให้การสนับสนุนร่างนโยบาย

· นายไมเคิล บาร์เนีย ตัวแทนการเจรจา Brexit จากทางอียู ระบุว่า ข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษและอียู มีเพียงข้อตกลงฉบับเดียวเท่านั้น คือฉบับที่นายกฯอังกฤษ ร่วมตกลงกับผู้นำอียู ดังนั้น หากอังกฤษต้องการที่จะถอนตัวออกจากอียูอย่างเป็นระบบ และไม่สร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจ ก็จำเป็นต้องยอมรับข้อตกลงฉบับดังกล่าวเท่านั้น

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อตกลงทางการค้ากับจีนมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอีก 3 หรือ 4 สัปดาห์ข้างหน้า โดยจีนมีความน่าเชื่อถือและมีเหตุมีผลค่อนข้างมาก ดังนั้น ตัวเขาจึงไม่เร่งที่จะบรรลุข้อตกลงกับจีน

· นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า การพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีนจะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ ขณะที่การเจรจาระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินต่อไป

· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้วประมาณ 6,000 ราย สู่ระดับ 229,000 ราย จึงเริ่มสะท้อนถึงสัญญาณชะลอตัวของตลาดแรงงานที่มาควบคู่กับข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯที่อ่อนตัวลงอย่างหนักในเดือนก.พ.

และถึงแม้ข้อมูลดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 9 เดือนในเดือนก.พ. แต่แนวโน้มเงินเฟ้อก็ยังคงอ่อนแอ และข้อมูลดัชนีราคานำเข้าก็อ่อนตัวลงเมื่อเทียบรายปีติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.พ.ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ร่วงกว่าคาดโดยปรับลงจากเดือนก่อนหน้า 47,000 ยูนิต สู่ระดับ 607,000 ยูนิตในเดือนม.ค. จึงยิ่งตอกย้ำถึงภาวะที่เฟดจะต้องอดทนรอต่อการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้


· หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก MUFG กล่าวว่า หากเฟดประเมินข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงอ่อนตัว สัปดาห์หน้าในการประชุมเราก็น่าจะเห็นเฟดตรึงระดับดอกเบี้ยออกไปก่อน


· ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯประจำเดือนม.ค.ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาด สู่ระดับ 6.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 607,000 ยูนิต จากระดับ 652,000 ยูนิตในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยยังอ่อนแอในช่วงต้นไตรมาสแรก แม้ดอกเบี้ยเงินกู้จะมีการชะลอตัวลงก็ตาม


ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนม.ค.ร่วงลง 4.1% จากปีที่ผ่านมา ความสามารถในการซื้อบ้านค่อนข้างน้อยลง แม้ว่าดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลงจากระดับสูงสุดของปีที่แล้วและอัตราเงินเฟ้อราคาบ้านได้ชะลอตัวลง


นักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยจะยังคงซบเซาในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 ท่ามกลางการลงทุนในธุรกิจรับสร้างบ้านลดลง 0.2% ในปี 2018 ซึ่งอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010

· สถาบันเพื่อการลงทุนแปซิฟิกหรือ Pimco มีมุมมองว่า เฟดอาจประกาศแผนยุติการปรับลดพันธบัตรในพอร์ตเร็วที่สุดช่วงต้นสัปดาห์หน้า และช้าสุดคือปลายเดือนมิ.ย. ท่ามกลางสินทรัพย์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นกว่า 1.66 ล้านล้านเหรียญ

โดยในการประชุมระหว่างวันที่ 19-20 มี.ค.นี้ เชื่อว่าเฟดจะมีสัญญาณแห่งการอดทนรอ และชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

· นายทาโร่ อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น กล่าวเตือนบีโอเจหากยืนกรานจะเดินหน้าบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% เพราะเราอาจกำลังเดินหน้าไปผิดทางอย่างมาก ดังนั้น บีโอเจควรมีความยืดหยุ่นกับการปรับเป้าหมายของดัชนีราคา

อย่างไรก็ดี รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า บีโอจยังมีแนวโน้มจะคงนโยบายการเงินต่อในการประชุมวันนี้ แม้จะมีมุมมองเชิงบวกเป็นการชั่วคราวจากยอดส่งออกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นที่จะหนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ แต่ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกก็ดูจะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะผลกระทบจาก Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน, การชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป อย่างกรณี Brexit และทั้งหมดนี้น่าจะกดดันทำให้บีโอเจยังไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้

· ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในปี 2019 เนื่องจากกลุ่มโอเปกเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางการคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบที่ลดลง

ประเด็นความไม่แน่นอนทางการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งการขายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงกดดันราคาน้ำมันดิบ


ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่บริเวณ 68.14 หรียญ/บาร์เรล ก่อนจะปิดลดลง 36 เซนต์ ที่ระดับ 67.19 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ ที่ระดับ 58.55 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com