• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 14 มีนาคม 2562

    14 มีนาคม 2562 | Economic News


· ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่สมาชิกรัฐสภาอังกฤษปฏิเสธข้อเสนอการออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลงใดๆ โดยค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้น 2% ที่ระดับ 1.3339 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่มีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับกรณี Hard Brexit ที่ลดน้อยลง และอาจเรียกได้ว่าค่าเงินปอนด์เมื่อวานนี้มีการปรับแข็งค่าขึ้นได้มากที่สุดนับตั้งแต่เม.ย. ปี 2017


ด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดช่วง 9 วันทำการในเช้าวันนี้ ท่ามกลางการแข็งค่าของเงินปอนด์ต่อกรณี Brexit โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดที่ 96.385 จุด ก่อนจะทรงตัวที่ 96.505 จุด


สำหรับค่าเงินปอนด์ดีดกลับได้หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาอังกฤษมีมติโหวตไม่เห็นด้วยที่จะออกจากอียูแบบ No-Deal จึงต้องตามผลการลงมติคืนนี้ต่อที่คาดว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภาจะเห็นชอบในการเลื่อนกำหนดวันออกจากอียูออกไปจากกำหนดการเดิมที่ 29 มี.ค.นี้


ค่าเงินยูโรเช้านี้ทรงตัวที่ 1.1331 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่เมื่อคืนนี้ปรับแข็งค่าไป 0.3%



· ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯขยายตัวได้อย่างจำกัดเป็นครั้งแรกหลังจากที่ชะลอตัวติดต่อกัน 3 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจเผชิญแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


โดยดัชนี PPI เดือน ก.พ. ขยายตัวได้ 0.1% หลังจากที่ชะลอตัว -0.1% ในเดือน ม.ค. ขณะที่ดัชนี Core PPI ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานก็ขยายตัวขึ้น 0.1% เช่นกัน สำหรับภาพรวมรายปี ดัชนี PPI ขยายตัวได้ 1.9% จากปีก่อน และ Core PPI ขยายตัวได้ 2.5%



ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯจะมีอัตราว่างงานคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี และอัตราค่าจ้างที่ขยายตัวเร็วขึ้น แต่เนื่องจากมาตรวัดเงินเฟ้อของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังค่อนข้างชะลอตัว โดยเฉพาะดัชนี CPI ที่ขยายตัวได้เพียง 1.5% ในภาพรวมรายปี จึงยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดมีแนวโน้มพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป



· หัวหน้าฝ่ายการลงทุนจาก Andersen Capital กล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า นักลงทุนยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ว่าจะออกมาเป็นผลดี โดยทั้งสองฝ่ายน่าจะหาทางแก้ไขปัญหาอันเป็นประโยชน์ร่วมกันได้ โดยไม่ส่งผลเสียต่อทั้งสองประเทศ

· วุฒิสภาสหรัฐฯมีมติโหวตผ่านร่างนโยบายที่จะหยุดส่งกำลังเสริมทางการทหารไปยังกรุงเยเมน ซาอุดิอาระเบีย แม้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่เห็นด้วยเนื่องจากตนมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำซาอุฯ และมีกระแสคาดการณ์ว่านายทรัมป์อาจใช้อำนาจประธานาธิบดีในการสั่งกีดกันร่างนโยบายดังกล่าว ขณะที่การโหวตนโยบายมีเสียงสนับสนุน 54-46 เสียง ซึ่งยังขาดเสียงสนับสนุนอีก 2 ใน 3 ถึงจะสามารถลบล้างคำสั่งกีดกันของประธานาธิบดีได้

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลงและมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 98 เซนต์ คิดเป็น +1.47% ที่ระดับ 67.63 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.5 เหรียญ คิดเป็น +2.64% ที่ระดับ 58.37 เหรียญ/บาร์เรล



เมื่อวานนี้กระทรวง EIA ของสหรัฐฯ เผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลงกว่าที่คาดและน้อยกว่าเดิมที่ระดับ 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com