• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2562

    11 มีนาคม 2562 | Economic News

· ข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ เดือนก.พ. ออกมาแย่ลง หลังจากที่เริ่มต้นปีมาอย่างไม่ค่อยสดใสนัก โดยข้อมูลจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯมีการจ้างงานขึ้นเพียง 20,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลงแตะ 3.8%

อย่างไรก็ดี ข้อมูลจ้างงานล่าสุดถือว่าแย่ที่สุดนับตั้งแต่ก.ย. 2017 อันเป็นผลมาจากพายุเฮอริเคน 2 ลูกที่ผ่านมาที่ดูจะส่งผลกระทบต่อภาคแรงงาน และชดเชยมุมมองเชิงบวกจากค่าแรงที่ปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง


· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังข้อมูลจ้างงานออกมาแย่กว่าคาด แม้ว่าข้อมูลอัตราคนว่างงานและค่าแรงจะปรับตัวขึ้นเกินคาดก็ตาม ขณะที่ค่าเงินสวีเดนร่วงลงทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 16 ปี หลังจากที่ธนาคารกลางมีแนวโน้มจะปรับลดมุมมองทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกับ ธนาคารกลางยุโรปและแคนาดา


ทั้งนี้ ในช่วงปลายตลาดค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่ากลับขึ้นมาได้หลังจากที่อีซีบี และธนาคารกลางส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะทำการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือแม้แต่การปรับลดดอกเบี้ยเพื่อหนุนเศรษฐกิจในประเทศของตน


· ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.34% มาที่ 97.34 จุด หลังจากที่วันพฤหัสบดีไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 14 ธ.ค. บริเวณ 97.7 จุด


· ทางด้านค่าเงินดอลลาร์ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับแข็งค่าขึ้น 0.85% ท่ามกลางแรงเทขายในยูโรทีตอบรับกับประชุมอีซีบีรอบลาสุดที่ดูจะสนับสนุนการกู้ยืมในภาคธนาคาร และเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยไปในปี 2020


· ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นได้ 0.43% ที่ระดับ 1.124 ดอลลาร์/ยูโร โดยรีบาวน์กลับจากระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 20 เดือน ที่ระดับ 1.11765 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วอ่อนค่าลงไปประมาณ 1.17% ถือเป็นระดับการปรับลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ย.



· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯร่วงลงตอบรับข้อมูลจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯ แม้ว่าค่าแรงรายเดือนจะปรับตัวขึ้นก็ตาม โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปี ปรับลงมาแถว 2.628% หลังจากลงมาทำระดับต่ำสุดบริเวณ 2.607% ในช่วงประกาศรายงานดังกล่าว

· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวให้สัมภาษณ์รายการ 60 Minutes ของสถานี CBS โดยแสดงความคิดเห็นว่า กฎระเบียบค่อนข้างชัดเจนในการที่เขาต้องดำรงตามแหน่ง 4 ปี และเขาก็จะยืนหยัดทำตามหน้าที่ในช่วงเวลานี้ และไม่คิดว่านายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะสามารถไล่เขาออกได้

· รายงานจาก CNBC ระบุว่า แผนงบประมาณของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้ 3% ในอีก 5 ปีข้างห้า แม้ว่าจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม โดยรายงานของทำเนียบขาว ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการพัฒนาภายใต้นโยบายบริหารของทีมงานทรัมป์ และคาดว่าปีนี้จีดีพีจะเติบโตได้ 3.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ปี 2020 จะโตได้ 3.1% ขณะที่ปี 2024 ก็จะยังขยายตัวได้ราว 3%

อย่างไรก็ดี คาดการณ์ของทางทำเนียบขาวดูจะสูงกว่าที่หน่วยงานภายนอกประเมินไว้ โดย CBO คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 2.7% และปีหน้ามีโอกาสเห็นการเติบโตปรับตัวลงต่อ 1.9% และมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ 1.6-1.8% ในช่วงปี 2029 สอดคล้องกับคาดการณ์ของเฟดที่ มองว่าระยะยาวเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ประมาณ 2%

· นายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษ ระบุว่า ข้อตกลง Brexit อาจเผชิญกับความล้มเหลวอีกครั้ง หากสมาชิกรัฐสภาอังกฤษยังคงปฏิเสธต่อร่างข้อตกลง หลังจากที่ผู้นำเสียงข้างมากในรัฐสภายังคงกล่าวเตือน นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษว่าอาจกำลังเผชิญกับเสียงต่อต้านอีกครั้ง

และนับจากนี้เหลือเวลาเพียง 19 วันเท่านั้น ก่อนที่อังกฤษจะออกจากอียูอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค. และนางเมย์ก็ยังไม่สามารถทำให้ข้อตกลงประสบความสำเร็จได้ ขณะที่รัฐสภาอังกฤษมีมติจะลงคะแนนโหวตกันอีกครั้งว่าข้อตกลงที่นำเสนอจะผ่านหรือไม่ในคืนวันอังคารนี้ และหากล้มเหลวอีก น่าจะเห็นนางเมย์ ทำการขอเลื่อน Brexit ออกไปก่อน ขณะที่หลายฝ่ายมองว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญกับความผันผวนได้ หากออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลงใดๆ

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับลงหลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯออกมาแย่ลงอย่างมากในเดือนก.พ. นอกจากนี้ ยังถูกกดดันจากยอดนำเขาและส่งออกจีนในเดือนก.พ. ที่ออกมาแย่ ประกอบกับประชุมอีซีบีที่มีการหั่นแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 66 เซนต์ คิดเป็น -1.2% ที่ระดับ 56 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ช่วงต้นตลาดปรับตัวลงไปกว่า 3% ทำระดับต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 54.52 เหรียญ/บาร์เรล และสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงประมาณ 0.5%

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 54 เซนต์ คิดเป็น -1% ที่ระดับ 65.76 เหรียญ/บาร์เรล โดยดีดกลับจากที่ไปทำระดับต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์ บริเวณ 64.02 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์ร่วงลงไปประมาณ 1%

· รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแห่งซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่กลุ่มโอเปกจะมีมติเปลี่ยนแปลงนโยบายการปรับลดกำลังผลิตในการประชุมเดือน เม.ย. นี้ และเชื่อว่าจะมีอุปสงค์ในน้ำมันที่แข็งแกร่งจากทั้งสหรัฐฯและจีนตลอดปี 2019

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีฯระบุว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายใดๆในการประชุมเดือน เม.ย. ก็คงเปรียบเสมือนการโยนหินตามทางเท่านั้น และการเปลี่ยนแปลงจริงๆน่าจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. ซึ่งก็ต้องดูว่า ณ ตอนนั้นตลาดน้ำมันจะเป็นเช่นไรอีกที


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com