• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2562

    8 มีนาคม 2562 | Economic News
 

 · ค่าเงินยูโรยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ท่ามกลางแรงกดดันจากสัญญาณเชิงผ่อนคลายทางการเงินจากการประชุมอีซีบีเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดกำลังจับตาการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในคืนนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความผันผวนตามมาหลังการประกาศตัวเลข
ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1196 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากอ่อนค่าลงมา 1% เมื่อคืน ทำระดับต่ำสุดที่ 1.1176 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเดือน มิ.ย. ปี 2017 สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ ค่าเงินอ่อนค่าลง 1.5%

ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงตามอัตราผลตอบแทนพับธบัตรในยูโรโซน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับร่วงลงแตะระดับต่ำสุดของเดือน ต.ค. ปี 2016

· ตลาดกำลังรอคอยการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯในคืนนี้ โดยจะประกาศเวลาประมาณ 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งการประกาศตัวเลขดังกล่าว อาจยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับค่าเงินยูโรได้


· ด้านดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงบริเวณ 97.548 จุด หลังดัชนีปรับแข็งค่าได้ 0.75% เมื่อวานนี้ และทำระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 97.71 จุด สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนีมีแนวโน้มปรับแข็งค่าขึ้นได้ 1.2%



· นักวิเคราะห์จาก Daily FX คาดการณ์ว่า ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบต่อไป เนื่องจากค่าเงินมีความผันผวนที่ต่ำ ขณะที่สัญญาณจาก Indicators ต่างๆ บ่งชี้ว่าค่าเงินจะเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงต่อ แต่เนื่องจากตลาดมีความต้องการในค่าเงินยูโรที่ค่อนข้างต่ำ การเคลื่อนไหวจึงมีแนวโน้มที่จะอยู่ในกรอบแคบมาก โดยมองแนวรับระยะสั้นไว้ที่ 1.1230-50 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนแนวต้านมองไว้ที่ 1.1375-80 ดอลลาร์/ยูโร

· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 8 วัน เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน หลังตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับร่วงลงจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอเกินคาด ส่งผลให้ตลาดพากันออกจากสินทรัพย์เสี่ยง และเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์ปรับร่วงกว่า 0.5% บริเวณ 111.015 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวันที่ 28 ก.พ. ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับร่วงทั่วภูมิภาค การตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ.ของจีนประกาศออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด รวมถึงสัญญาณเชิงผ่อนคลายทางการเงินจากการประชุมอีซีบีเมื่อคืนนี้

· ยอดส่งออกจีนชะลอตัวลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ยอดนำเข้าปรับร่วงลต่อติดกันเป็นเดือนที่ 3 จึงยิ่งตอกย้ำถึงสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน แม้รัฐบาลจีนจะมีการออกมาตรการมาช่วยเกื้อหนุนเศรษฐกิจก็ตาม

โดยยอดส่งยอดในเดือน ก.พ. ชะลอตัว 20.7% จากปีก่อน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.8% เทียบกับยอดส่งออกในเดือน ม.ค. ที่ชะลอตัว 9.1%

ส่วนยอดนำเข้าเดือน ก.พ. ชะลอตัว 5.2% จากปีก่อน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.4% เทียบกับยอดส่งออกในเดือน ม.ค. ที่ชะลอตัว 1.5%

ขณะที่ยอดดุลการค้าเดือน ก.พ. ของจีนก็อ่อนแอลงมากกว่าที่คาด โดยประกาศออกมาที่ระดับ 4.12 พันล้านเหรียญ น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 26.38 พันล้านเหรียญ เทียบกับดุลการค้าเดือน ม.ค. ที่ประกาศออกมาที่ 39.16 พันล้านเหรียญ

การประกาศตัวเลขการค้าสำคัญของจีน เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐสภาจีนกำลังมีการประชุมครั้งสำคัญ ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงวันศุกร์ที่ 15 มี.ค.

· ยอดเกินดุลการค้าของจีนที่มีร่วมกับสหรัฐฯปรับลดลงมาที่ระดับ 1.472 หมื่นล้านเหรียญในเดือน ก.พ.จากเดิมในเดือน ม.ค. ที่ 2.73 หมื่นล้านเหรียญ ขณะที่ยอดรวมของทั้ง 2 เดือนอยู่ที่ระดับ 4.21 หมื่นล้านเหรียญ

· บรรดา CEOs จาก Deutsche Bank และ Commerzbank ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ในเยอรมนี กำลังมีการเจรจาที่อาจเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในรวมบริษัทเข้าด้วยกัน ซึ่งไม่กี่วันก่อนหน้านี้ บรรดา CEOs ของทั้ง 2 ธนาคารก็มีการเจรจากันอย่างเข้มข้น แต่ยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าวต่อสื่อ

ทั้งนี้ หุ้น Deutsche Bank ถูกคาดการณ์ว่าจะเปิดตลาดวันนี้ในแดนบวก 0.1% ขณะที่หุ้น Commerzbank ถูกคาดว่าจะเปิด +0.2%



· การขยายตัวของตัวเลขจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดในเดือนก.พ. สอดคล้องกับข้อมูล 2 เดือนก่อนหน้าท่ี่ชะลอตัวลง ที่ดูจะเริ่มเป็นปัจจัยกดดันตลาดแรงงาน แต่ภาพรวมการจ้างงานน่าจะยังแข็งแกร่งเพียงพอที่จุหนุนให้อัตราคนว่างงานอยู่ต่ำกว่าระดับ 4%

ทั้งนี้ Non-Farm Payrolls ของสหรัฐฯในคืนนี้ถูกคาดว่าจะมีการจ้างานเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง และอาจเป็นการขยายตัวได้น้อยที่สุดนับตั้งแต่ก.ย.ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงดังกล่าวน่าจะเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากบรรดานักเศรษฐศาสตร์ เชื่อว่า น่าจะเห็นการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นได้ เพราะผลกระทบดังกล่าวที่เกิดขึ้นมาจากแรงเทขายในตลาดหุ้น และการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯในช่วงปลายปีที่แล้ว ขณะที่ภาคครัวเรือนชะลอตัวลงเป็นประวัติการณ์บริเวณ 3.8 ล้านล้านเหรียญ

· ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส ระบุว่า ธนาคารกลางฝรั่งเศสถูกคาดว่าน่าจะมีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจฝรั่งเศสจะมีการฟืั้นตัวแต่ภาพรวมเศรษฐกิจในยูโรโวฯก็ประสบภาวะชะลอตัวลง

· สภาล่างของรัฐสภาอังกฤษมีกำหนดการจะร่วมลงมติในนโยบายเกี่ยวกับ Brexit หลายข้อด้วยกันภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งการลงมติแรกจะเกี่ยวกับการลงมติสนับสนุนนโยบาย Brexit ของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ หากล้มเหลว การลงมติรอบต่อไปจะเกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้อังกฤษถอนตัวออกจากอียูแบบ No-deal และตามมาด้วยการโหวตตัดสินว่าจะขยายระยะเวลาของ Brexit ออกไปจากเดิมในปลายเดือน มี.ค. นี้หรือไม่

· ข้อมูลยอดคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีปรับลงเกินคาดในเดือนม.ค. แตะ 2.6% ท่ามกลางสัญญาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจเยอรมนีที่ดูทีท่าว่าจะชะลอตัวลงในช่วงเริ่มต้นปี 2019


· นายหวัง อี้ หัวหน้าสภารัฐกิจแห่งประเทศจีน กล่าวว่า รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน Huawei ในการยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมชื่นชมที่ Huawei ใช้ “อาวุธทางกฏหมาย” และไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยกับการถูกเอาเปรียบ

โดยเมื่อไม่นานมานี้ บริษัท Huawei Technologies Co Ltd ได้ยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ ในกรณีที่รัฐบาลออกกฏหมายห้ามไม่ให้หน่วยงานรัฐสามารถดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทที่ใช้อุปกรณ์ของ Huawei เป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบ

การยื่นฟ้องร้องครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งประเด็นความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังพยายามเจรจาหาจุดยืนร่วมกัน



· นักวิเคราะห์จาก DailyFX ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบชะลอตัวลง และมีการเคลื่อนำไหวแบบ Evening Star ขณะที่ RSI เคลื่อนไหวแดนลบ โดยหากราคาปิดต่ำกว่าแนวรับ 55.37 - 55.75 เหรียญ/บาร์เรล มีโอกาสเห็นราคาปรับตัวลงต่อ แต่หากราคาฝ่าแนว 50.15 - 51.33 เหรียญ/บาร์เรลไปได้ ก็มีโอกาสเห็นราคากลับมาทดสอบแนวต้าน 57.96 - 59.05 เหรียญ/บาร์เรล และอาจเห็นราคากลับทำ High 62.31 เหรียญ/บาร์เรลได้.
· ราคาน้ำมันดิบปรับร่วงกว่า 1% ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังอีซีบีส่งสัญญาณเตือนถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวเมื่อคืนนี้ และการที่จีนประกาศยอดส่งออกและนำเข้าออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดในเดือน ก.พ.

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 1.3% บริเวณ 65.42 เหรียญ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 1.1% บริเวณ 56.03 เหรียญ/บาร์เรล

ธนาคารเพื่อการลงทุน Jefferies ระบุว่า ปริมาณการผลิตของสหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ เกิดขึ้นจากปริมาณการขุดเจาะที่ขยายตัว โดยเฉพาะจากการเข้าลงทุนของบริษัทรายใหญ่อย่าง Exxon Mobil และ Chevron

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com