• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 6 มีนาคม 2562

    6 มีนาคม 2562 | Economic News
 

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลหลักส่วนใหญ่ที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด ท่ามกลางค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ที่ได้รับผลกระทบจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในไตรมาสทีี่ 4/2018 สู่ระดับ 0.2% จากที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 0.3% จึงกดดันให้ค่าเงินออสซี่อ่อนค่าลงไปเกือบ 0.7% แตะระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือนที่ 0.7035 ดอลลาร์ออสเตรเลีย

ขณะที่วันนี้ทางธนาคารกลางออสเตรเลียสิ้นสุดการประชุมวาระที่ 30 ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 1.50%

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับลงมา 2.71% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับตัวลง 3.01% ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.55%

ขณะที่ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดมีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงในการประชุม Economic Club of Washington ในคืนวันพรุ่งนี้ ซึ่งประธานเฟดมีแนวโน้มจะกล่าวถึงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินและการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ควบคู่กับการตอบข้อซักถาม

· หัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงินตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย จาก JP Morgan มองว่า นักลงทุนควรเข้าซื้อค่าเงินริงกิตของมาเลเซีย เนื่องจากค่าเงินดังกล่าวน่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกหากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนบรรลุผล

ทั้งนี้ ความคืบหน้าทางการค้าของสหรัฐฯและจีนจะช่วยหนุนยอดดุลบัญชีเดินสะพัดของมาเลเซีย และมีอุปสงค์ความต้องการจากจีนเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนราคาน้ำมัน รวมทั้งอาจจะช่วยยกระดับยอดเกินดุลของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมด้วย

· นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัย Capital Economics ระบุว่า ฐานะตลาดเกิดใหม่ที่มีผลประกอบการแข็งแกร่งเกินเกณฑ์ของเศรษฐกิจจีนกำลังจะจบลง เนื่องจากเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอการเติบโตลงอย่างเห็นได้ชัด และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจมีแนซโน้มที่จะดิ่งลงสู่ระดับ 2% ภายในทตศวรรษข้างหน้า เนื่องจากปัญหาด้านหนี้สิน จำนวนประชากรวัยทำงานที่ลดลง และปัจจัยสนับสนุนการผลิตที่อ่อนแอลง

การวิเคราะห์ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังนายหลี เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ประกาศปรับลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจจีนปีนี้ลงสู่ระดับ 6.0 – 6.5% ชะลอตัวลงอัตราเติบโตของเศรษฐกิจปีก่อน

· รายงานจาก Goldman Sachs ในสัปดาห์ ก็เป็นรายงานบ่งชี้ถึงแรงหนุนมุมมองที่ว่า จีนอาจมีกำลังซื้อสินค้าโภคภัณฑ์จากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น หากข้อตกลงการค้าบรรลุผล โดยจีนถือเป็นผู้ซื้อสินค้าเพื่อการเกษตรและพลังงานเป็นหลัก

· นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น หากตรวจสอบพบว่า เกาหลีเหนือไม่ได้ดำเนินการทำลายอาวุธนิวเคลียร์ทิ้งตามที่ตกลงกันไว้จริง

· รายงานจากสถาบันวิจัย Beyond Parallel ระบุว่า เมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายทางดาวเทียม พบว่าเกาหลีเหนือกำลังเร่งซ่อมแซมสถานที่พัฒนาขีปนาวุธพิสัยระยะไกลบนหมู่เกาะโซแฮ

ซึ่งการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวของเกาหลีเหนือ เกิดขึ้น 2 วันภายหลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งจบลงโดยที่ไม่สามารถหาข้อตกลงใดๆร่วมกันได้

· รายงานจาก Financial Times ระบุว่า อิตาลีเตรียมประกาศให้การสนับสนุนโครงการ Belt and Road Initiative ของประเทศจีนภายในเดือนนี้ โดยอ้างถึงแหล่งข่าวว่ามาจากถ้อยแถลงของนายมิเชล เจอราซี รองรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจแห่งอิตาลี

โดยอิตาลีต้องการให้สินค้า “Made in Italy” มียอดการส่งออกสู่ประเทศจีนมากขึ้น และยอมรับว่าจีนเป็นเศรษฐกิจที่สามารถเติบโตได้รวมเร็วที่สุดในโลก

ทั้งนี้ โครงการ Belt and Road Initiative เป็นโครงการของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่ต้องการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจของจีนออกไปสู่ทั่วโลก ผ่านการก่อสร้างเส้นทางขนส่งสินค้าทั้งทางบกและทางน้ำที่จะเชื่อมต่อทวีปเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรปเข้าด้วยกัน

· ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังมีรายงานคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันที่สูงขึ้นของ 2 ผู้ผลิตรายใหญ่ในสหรัฐฯ ได้แก่ Chevron Corp แล Exxon Mobil Corp รวมถึงรายงานปริมาณสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น แม้ราคาจะมีแรงหนุนจากมาตรการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกก็ตาม

ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.6% บริเวณ 65.47 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากในช่วงตลาดที่แล้วราคาทำระดับต่ำสุดที่ 65.22 เหรียญ/บาร์เรล

ด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.7% บริเวณ 56.15 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com