• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 4 มีนาคม 2562

    4 มีนาคม 2562 | Economic News
 
· ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียและเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้น หลังมีสัญญาณว่าสหรัฐฯและจีนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยรายงานจาก Wall Street Journal ที่ระบุว่า สหรัฐฯและจีนอาจบรรลุข้อตกลงภายในการประชุมวันที่ 27 มี.ค. เนื่องจากความคืบหน้าของการเจรจาการค้าครั้งที่ผ่านๆมา

โดยค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียปรับแข็งค่า 0.57% ที่บริเวณ 0.7118 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงไปบริเวณ 0.7085 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการจ้างงานที่ชะลอตัวลงในออสเตรเรีย

· ด้านค่าเงินหยวนแข็งค่า 0.20% ที่บริเวณ 6.7030 หยวน/ดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้ระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 7 เดือนครึ่งที่ 6.6737 หยวน/ดอลลาร์ ที่แตะระดับนี้ไปได้เมื่อสัปดาห์ก่อน

โดยค่าเงินหยวนได้รับแรงหนุนในทิศทางแข็งค่านับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่สหรัฐฯเลื่อนเดดไลน์ของการเจรจาเดิมในวันที่ 1 มี.ค. ออกไป เนื่องจากความคืบหน้าของการเจรจาการค้า

ในขณะที่สัญญาณความคืบหน้าของการเจรจาการค้าในวันนี้ จะช่วยหนุนให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์ก็เริ่มชะลอการอ่อนค่าลงหลังจากที่เผชิญแรงกดดันจากการที่นายทรัมป์กล่าวโจมตีเฟด

· โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนแข็งค่าขึ้นมาบริเวณ 111.96 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ที่ 112.08 เยน/ดอลลาร์ หลังจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงที่บริเวณ 111.75 เยน/ดอลลาร์หลังถ้อยแถลงของทรัมป์

· ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1365 ดอลลาร์/ยูโร โดยตลาดกำลังจับตาการประชุมของอีซีบีในคืนวันพฤหัสบดีสัปดาห์นี้

· ในกราฟราย 4 ช.ม. จะเห็นได้ว่า ค่าเงิน EUR/USD เริ่มที่จะมีแรงหนุนในทิศทางขาขึ้น หลังจากที่ผ่านแนวต้าน 1.1325 และเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 วันมาได้

อย่างไรก็ตาม ทิศทางขาขึ้นถูกจำกัดโดยแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1.1420 และยังมีเส้นแนวต้านของเทรนขาลงระยะยาวที่บริเวณ 1.1408 ในกราฟเดียวกันอีกด้วย

โดยหลังจากที่ค่าเงินไม่สามารถผ่านเหนือแนวต้านไปได้ จึงเริ่มเคลื่อนไหวแบบสะสมพลังต่ำกว่าระดับ 1.1420 โดยมีแนวรับที่ 1.1340 และ 1.1325 ในทางกลับกัน หากค่าเงินปรับขึ้นเหนือระดับ 1.1420 ได้สำเร็จ จะเปิดโอกาสให้ค่าเงินขึ้นต่อได้ถึงบริเวณ 1.1450 และ 1.1500

· Goldman Sachs คาดการณ์ว่า การพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีนในช่วงปลายเดือนนี้ ทั้งสองประเทศน่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงด้านการค้าบางอย่างได้ แต่ภาษีน่าจะยังคงถูกคงเอาไว้อย่างน้อยจนถึงปี 2020

สำหรับแผนการดำเนินการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ประเทศ Goldman Sachs คาดการณ์ไว้ 3 ขั้นตอนด้วยกัน คือ

ขั้นตอนแรก ตัวแทนการเจรจาของทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มสูงที่จะจัดการเจรจาขึ้นในช่วงสัปดาห์ต่อๆไป เพื่อพยายามหาความเข้าใจและจุดยืนร่วมกัน

อันดับต่อไป หากการเจรจาในขั้นแรกเป็นไปอย่างราบรื่น ก็น่าจะลงเอยด้วยพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ภายในช่วงปลายเดือน มี.ค. นี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ทาง Goldman Sachs คาดการณ์โอกาส 75% ที่จะมีการประกาศเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าขึ้น

ขั้นตอนต่อไป คือการผลักดันให้ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้จริง ซึ่งการคงอัตราภาษีเอาไว้น่าจะสร้างความสับสนให้กับตลาดได้เป็นอย่างมาก

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า เหตุผลที่ต้องการจำกัดการซ้อมรบร่วมกันระหว่างสหรับนและเกาหลีใต้ก็เพื่อประหยัดงบประมาณเป็นมูลค่าได้กว่าหลายร้อยล้านเหรียญ และอาจช่วยลดความตึงเครียดร่วมกันเกาหลีเหนือได้อีกด้วย หลังจากที่การเจรจาร่วมกับผู้นำเกาหลีเหนือจบลงโดยไม่มีข้อตกลง และการที่กระทรวงกระทรวงได้ออกมาประกาศว่าจะระงับการซ้อมรบใหญ่ระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

· รัฐบาลสหรัฐฯกำลังตรวจสอบว่า เครื่องบินรบที่ทางปากีสถานใช้โจมตีและทำลายเครื่องบินรบของอินเดีย จะเป็นเครื่องบินรบรุ่น F-16 ที่ทางสหรัฐฯเป็นผู้ผลิตหรือไม่ เนื่องจากอาจเป็นการละเมิดข้อตกลงร่วมกับสหรัฐฯได้ ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างปากีสถานและอินเดียดูจะเริ่มผ่อนคลายลง

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุความขัดแย้งระหว่างปากีสถานและอินเดียขึ้นในพื้นที่แคชเมียร์ โดยทางปากีสถานได้ทำลายเครื่องบินรบของอินเดียพร้อมจับกุมตัวนักบินเมื่อวันพุธ รวมถึงให้การปฏิเสธว่าทางปากีสถานไม่ใช้เครื่องบินรบรุ่น F-16 และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางปากีสถานได้ส่งตัวนักบินของอินเดียกลับประเทศ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข ทำให้ความขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศดูจะผ่อนคลายลงไป แม้ทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังก็ตาม

· รัฐมนตรีกระทรวงการต่างเทศแห่งรัสเซีย ระบุว่าทางรัสเซียพร้อมที่จะเข้าร่วมการเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองของประเทศเวเนซุเอลา โดยในการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างรัฐมนตรีของทั้ง 2 ประเทศที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา หัวข้อหลักในการสนทนาคือประเด็นของเวเนซุเอลา

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวโจมตีเฟดอีกครั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า มาตรการคุมเข้มทางการเงินของเฟดเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากเกินไป และกดดันความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของสหรัฐฯ

ทางด้านนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า เฟดจะไม่ถูกโน้มน้ามด้วยกระแสทางการเมือง และตัวนายโพเวลล์เองก็จะไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง แม้นายทรัมป์จะเป็นผู้เรียกร้องด้วยตัวเองก็ตาม ซึ่งนายทรัมป์เคยมีการหารือร่วมกับทีมบริหารของตนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะสั่งปลดนายโพเวลล์หากเฟดทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง เมื่อช่วงกลางเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา

· รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ทางสหรัฐฯและจีนกำลังใกล้ที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงที่จะมายกเลิกภาษีเกือบหรือทั้งหมดที่แต่ละฝ่ายที่การปรับขึ้นต่อกัน ตราบใดที่จีนยินยอมที่จะดำเนินมาตรการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเข้าซื้อสินค้าจากสหรัฐฯเป็นปริมาณมากขึ้น

ขณะที่ทางจีนระบุว่า การที่สหรัฐฯยินยอมที่จะยกเลิกนโยบายภาษีเป็นมูลค่ากว่า 2 แสนล้านเหรียญ จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถสรุปข้อตกลงทางการค้าได้ในที่สุด

อีกประเด็นหนึ่งที่ยังคงยืดเยื้อในการเจรจาการค้า คือการยกเลิกนโยบายภาษีจะเป็นแบบมีผลทันที หรือทยอยยกเลิกเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้สหรัฐฯสามารถจับตาได้ว่าจีนมีการดำเนินการตามข้อตกลงจริงหรือไม่ ซึ่งมีสัญญาณว่าทางสหรัฐฯต้องการใช้ภาษีเป็นปัจจัยกดดันให้ทางจีนยอมดำเนินการตามข้อตกลง และจะยกเลิกภาษีทั้งหมดต่อเมื่อมั่นใจแล้วว่าจีนดำเนินการตามข้อตกลงทุกอย่าง

· ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางแรงหนุนจากการปรับลดกำลังผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และรายงานที่ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงได้ในที่สุด

โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.3% บริเวณ 65.25 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.3% บริเวณ 55.94 เหรียญ/บาร์เรล

นักวิเคราะห์จาก Fitch Solutions ระบุว่า ภาพรวมของภาวะอุปทานในปีนี้ดูค่อนข้างตึงตัวมากขึ้น ขณะที่คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent ปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 73 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com