• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 1 มีนาคม 2562

    1 มีนาคม 2562 | Economic News

· ค่าเงินสวิสฟรังก์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.5% ท่ามกลางข้อมูลภาคโรงงานที่อ่อนแอของเศรษฐกิจจีน และการปราศจากความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจึงส่งผลให้เกิดการเทขายทำกำไรลงมา โดยเงินสวิสฟรังก์ปรับแข็งค่า 0.37% ที่ระดับ 0.9977 ดอลลาร์/สวิสฟรังก์ ขณะที่เงินเยนแข็งค่ามา 0.41% ที่ 111.44 เยน/ดอลลาร์


· ค่าเงินปอนด์ถูกแรงเทขายทำกำไรเข้ามา แต่ภาพรวมดูเหมือนจะยังแข็งค่าได้ต่อจากความกังวลเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะออกจากอียูแบบ No-Deal ลดลงไป


· ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.4% ที่ระดับ 96.18 จุด ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์มองว่าการอ่อนค่ามาจากแรงขายที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน หลังจากที่ตลอดเดือนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ในภาวะที่แข็งแกร่ง


· ข้อมูลกิจกรรมภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 3 ปีในเดือนก.พ. ท่ามกลางยอดส่งออกที่ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเกิดวิกฤตทางการเงิน จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจกำลังเผชิญกับอุปสงค์ภายในและภายนอกประเทศที่ลดน้อยลง


แม้จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ความกังวลกำลังเพิ่มขึ้นว่าจีนอาจมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวลงอย่างรุนแรง หากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯในปัจจุบันไม่สามารถบรรเทาแรงกดดันบางส่วนได้


ขณะที่ รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ประจำเดือนก.พ.ปรับตัวลดลงที่ระดับ 49.2 จากเดิมที่ 49.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 3 เดือนติดต่อกัน

· ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดถูกบั่นทอนจากถ้อยแถลงของผู้แทนการค้าสหรัฐฯที่ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดถึงผลลัพธ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

· นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ใกล้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าข้อตกลงจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ภาพรวมส่วนใหญ่มีความคืบหน้ามากขึ้น และเรายังจำเป็นต้องดำเนินการร่วมกันมากขึ้น และคาดหวังว่าจะเห็นความคืบหน้าและตกลงกันได้ในเดือนนี้


· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเตือนว่า อาจยกเลิกการเจราจาการค้ากับจีนหากข้อตกลงยังไม่ดีเพียงพอ แม้ว่าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของเขาจะมีมุมมองเชิงบวกต่อความคืบหน้าในการเจรจาการค้าร่วมกันเพื่อยุติปัญหาข้อพิพาททางการค้าก็ตาม


ซึ่งถ้อยแถลงของเขามีขึ้นที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หลังจากที่จบการประชุมกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ แต่ยังคงล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ร่วมกัน

· สภาวะการเมืองในสหรัฐฯ ทางสภาคองเกรสพยายามยุติการประกาศภาวะฉุกเฉินที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเพื่อจะให้ได้งบในการก่อสร้างกำแพงพรมแดนเม็กซิโก ซึ่งเป็นการได้เงินสนับสนุนโดยปราศจากการอนุมัติของสภาคองเกรส

· สหรัฐฯเตรียมข้อเสนอทางการค้ากับทางอังกฤษ เพื่อรับประกันว่าจะเกิดความยุติธรรมและมีดุลยภาพทางการค้า มีการปรับลดภาษี และไม่มีการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม, สินค้าเกษตร และมีการปรับลดข้อแตกต่างร่วมกั

· เศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสที่ 4/2018 ชะลอตัวน้อยน้อยกว่าที่คาดการณ์ ท่ามกลางการลงทุนในภาคธุรกิจที่เริ่มฟื้นตัว จึงบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจคงทิศทางการเติบโตที่ยังแข็งแกร่งได้มากพอที่จะทำให้เฟดสามารถชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้


โดยอัตรา GDP สหรัฐฯในไตรมาสที่ 4/2018 ขยายตัวได้ 2.6% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2.2% เทียบกับในไตรมาสที่ 3/2018 ที่ขยายตัวได้ 3.4%


· ผลสำรวจจากรอยเตอร์ส ชี้ว่า การเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรุนแรงของยูโรโซน จะส่งผลให้อีซีบีจะเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปจนกว่าจะถึงปีหน้า และอาจมีการกลับมาประกาศสนับสนุนการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อการกู้ยืมของภาคธนาคารในระยะยาวได้

· ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 วัน จากสัญญาณที่บ่งชี้ว่ากลุ่มโอเปกจะไม่ยุติแนวทางการลดภาวะอุปทานที่สูงเกินในตลาด ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์มองว่า ตลาดยังคงมีความผันผวนจากประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีน ประกอบกับการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 28 เซนต์ คิดเป็น +0.5% ที่ระดับ 57.22 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 36 เซนต์ คิดเป็น +0.5% ที่ระดับ 66.03 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ปรับขึ้น 1.8%

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com