• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562

    14 กุมภาพันธ์ 2562 | Economic News

·       ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 3 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร โดยที่ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูล Core CPI ของสหรัฐฯและข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนที่อ่อนแอกว่าที่คาด

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงไปต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1.13 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากลงไปทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1.1245 ดอลลาร์/ยูโร

ดัชนีดอลลาร์แข็งค่ากลับขึ้นมาอีก 0.5% ที่ระดับ 97.20 จุด ซึ่งภาพรวมเดือนก.พ. ปรับแข็งค่าขึ้นได้ 1.7% หลังจากที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง 2 เดือน

การร่วงลงของค่าเงินยูโร อ่อนค่าลงมาแล้วกว่า 1.63% ในเดือนนี้ โดยได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน ขณะเดียวกันก็มีกระแสคาดการณ์ว่าอีซีบีจะยังคงผ่อนคลายทางการเงินต่อไป โดยข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนร่วงลงเกินคาดในเดือนธ.

·       นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองในสเปนที่เป็นปัจจัยกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่รัฐสภาสเปนปฏิเสธร่างงบประมาณปี 2019 เมื่อวานนี้  และยิ่งทำให้ตลาดจับตาไปยังการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศที่จะเกิดขึ้น ท่ามกลางความเประบางทางการเมืองภายในประเทศ

ความเสี่ยงของตลาดการเงินเพิ่มขึ้นมากขึ้น และคาดหวังถึงผลเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯและผู้แทนการค้าสหรัฐฯกำลังอยู่ระหว่างหารือกับจีนในการประชุมระดับสูง

เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจากับจีนดำเนินไปได้ด้วยดี ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ที่พยายามหาทางแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าก่อนกำหนดเส้นตาย 1 มี.ค.

ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 110.99 เยน/ดอลลาร์ โดยภาพรวมค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้นมา 1.9% และนักวิเคราะห์ต่างพากันเชื่อว่า ความต้องการค่าเงินเยนในการแลกเปลี่ยนพันธบัตรต่างชาติ ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เงินเยนนั้นอ่อนค่า

·       EUR/USD อาจร่วงต่อ หลังการประกาศ GDP ยูโรโซนวันนี้

Daily FX ประเมินว่า ค่าเงินยูโรมีแนวโน้มปรับอ่อนค่าลงอีก หากการประกาศตัวเลข GDP ของเยอรมนีและยูโรโซนออกมาน่าผิดหวัง โดยคาดการณ์ล่าสุดประเมินไว้ว่าจะประกาศออกมาที่ 0.1% และ 0.2% ตามลำดับ ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนในภาพรวมถือว่ามีผลประกอบการที่น่าผิดหวังติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งจะเห็นได้จากดัชนี Economic Surprise Index

หากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในวันนี้ออกมาน่าผิดหวัง ภาพรวมของ EUR/USD ก็จะยิ่งหม่นหมองลงไปอีก ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนทางการเมือง ขณะที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้ง 3 ของยูโรโซน เยอรมนีฝรั่งเศสและอิตาลี ต่างเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง โดยเฉพาะกับเศรษฐกิจอิตาลีที่เข้าสู่ภาวะถดถอยไปแล้ว เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทางเทคนิค

สำหรับค่าเงินยูโร หรือ EUR/USD ในวันนี้ คาดว่าจะไม่มีสัญญาณของการฟื้นตัวแต่อย่างใด หลังจากที่ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซนประกาศออกมาเป็นที่ผิดหวังของตลาดเมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงและปิดตลาดต่ำกว่าระดับ 1.1269 โดยที่มีแนวรับถัดไปที่ 1.1216 สำหรับโอกาสที่ค่าเงินจะกลับตัวเป็นขาขึ้นได้นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อพิจารณาจากปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจหลายๆอย่าง

·       รายงานจาก Reuters ระบุว่า สภาคองเกรสจะมีการผลักดันร่างงบประมาณ เพื่อยุติความขัดแย้งภายในรัฐสภาเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดน ภายในคืนนี้ โดยเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของบประมาณในการก่อสร้างกำแพงชายแดนเป็นมูลค่า 5.7 พันล้านเหรียญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

เมื่อคืนที่ผ่านมา บรรดา ส.ส. ได้มีการแก้ไขร่างงบประมาณดังกล่าวในขั้นตอนสุดท้ายไป โดยร่างประมาณนี้จะสนับสนุนงบประมาณให้กับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.

นอกจากนี้ ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวได้กล่าวว่า ร่างงบประมาณฉบับนี้จะมอบงบประมาณเป็นมูลค่า 1.37 พันล้านเหรียญ สำหรับการก่อสร้างแบริเออร์ในเส้นชายแดนทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เป็นระยะทาง 88.5 กิโลเมตร (55 ไมล์) ซึ่งน้อยกว่าที่นายทรัมป์ได้เรียกร้องเอาไว้อย่างมาก

ทางด้านนายทรัมป์ยังคงไม่มีสัญญาณว่าจะสนับสนุนร่างประมาณตัวนี้หรือไม่ แม้ร่างงบประมาณจะมีโอกาสผ่านการลงมติทั้งในสภาล่างและสภาสูง รวมถึงบรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตที่ต่างพยายามโน้มน้าวให้นายทรัมป์พิจาณาสนับสนุนร่างงบประมาณตัวนี้

อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ได้กล่าวไว้ว่า เขาไม่ต้องการที่จะเห็นรัฐบาลถูก Shutdown เพราะปัญหาความขัดแย้งในการก่อสร้างกำแพงอีกแล้ว

·       รายงานจาก Xinhua ระบุว่า ตัวแทนการเจรจาจากสหรัฐฯและจีน ได้เริ่มต้นการเจรจาในระดับสูงขึ้นในวันนี้ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมการเจรจา ได้แก่ นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีนด้านเศรษฐกิจนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ และนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ส่วนการประชุมจะจบลงภายในวันศุกร์นี้

ขณะที่รายงานจากสำนักข่าว South China Morning Post ระบุว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะพบกับตัวแทนการเจรจาการค้าระดับสูงของสหรัฐฯที่เดินทางมาประชุมเรื่องการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ภายในวันศุกร์ที่จะถึงนี้

·       จีนประกาศตัวเลขนำเข้าและส่งออกประจำเดือน ม.ค. ที่ต่างออกมาเหนือคาดการณ์ในวันนี้ โดยยอดส่งออกขยายตัวได้ 9.1% จากปีก่อนหน้า เดิมคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลง 3.2% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ยอดส่งออกลดลง 4.4%

ส่วนยอดนำเข้าประกาศออกมาลดลงเพียง 1.5% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงถึง 10% เทียบกับในเดือน ธ.ค. ที่ยอดนำเข้าลดลง 7.6%

ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าของจีนในเดือน ม.ค. ประกาศออกมาที่ระดับ 3.916 หมื่นล้านเหรียญ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.35 หมื่นล้านเหรียญ แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำลงเมื่อเทียบกับยอดเกินดุลในเดือน ธ.ค. ที่ระดับ 5.706 หมื่นล้านเหรียญ

·       จีนมียอดนำเข้าจากสหรัฐฯที่ลดน้อยลงอย่างมาก

ยอดเกินดุลการค้าที่จีนมีต่อสหรัฐฯ ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.73 หมื่นล้านเหรียญในเดือน ม.ค. จากเดิมในเดือน ธ.ค. ที่ระดับ 2.987 หมื่นล้านเหรียญ

ขณะที่ยอดส่งออกจากจีนสู่สหรัฐฯในเดือน ม.ค. ปรับลดลง 2.4% ส่วนยอดนำเข้าจากสหรัฐฯปรับลดลงถึง 41.2% ในเดือนเดียวกัน

ทั้งนี้ แม้ตัวเลขนำเข้าส่งออกของจีนจะออกมาสดใส แต่นักวิเคราะห์ได้เตือนว่า ควรระมัดระวังตัวเลขทางเศรษฐกิจจีนในช่วง 2 เดือนแรกของปี เนื่องจากวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลตรุษจีนอาจทำให้ข้อมูลมีการบิดเบือนไป

·       สเปนมีความเป็นไปได้ที่อาจจัดการเลือกตั้งทั่วไปเป็นครั้งที่ 3 ในระยะเวลาเพียง 4 ปี หลังจากตัวแทนจากแคว้นคาตาลันเข้าร่วมกับพรรคฝั่งขวาในรัฐสภา และร่วมกันโหวตปฏิเสธร่างงบประมาณของนายกรัฐมนตรีไป

นายเปโดร แซนเชส นายกรัฐมนตรีสเปน ประสบความล้มเหลวในการผลักดันร่างงบประมาณสำหรับปี 2019 ไปเมื่อไม่นานมานี้ และนายแซนเชสจะมีการประกาศแนวทางการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไปภายในวันศุกร์ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าอาจเกิดการเลือกตั้งขั้นอย่างเร็วที่สุดภายในเดือน เม.ย. หรือ พ.ค. จากเดิมที่การเลือกตั้งทั่วไปมีกำหนดไว้ภายในปีหน้า

·       ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น เพราะได้รับอานิสงส์จากความหวังต่อโอกาสการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่น่าจะมีความคืบหน้าและทำให้ทิศทางเศรษฐกิจโลกเป็นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางข้อมูลการค้าจีน ประกอบด้วย ยอดนำเข้าน้ำมันที่ดีขึ้นเกินคาด

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 26 เซนต์ คิดเป็น +0.5% ที่ระดับ 54.16 เหรียญ/บาร์เรล  ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 37 เซนต์ คิดเป็น +0.6% ที่ระดับ 63.98 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com