• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 29 มกราคม 2562

    29 มกราคม 2562 | Economic News
\
·         ค่าเงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ หลังบรรดานักลงทุนหันเข้ามาค่าเงินเยนในฐานะ Safe-haven จากรายงานข่าวว่าสหรัฐฯประกาศฟ้องร้อง Huawei ที่เป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน จึงส่งผลให้ตลาดกังวลว่าจะความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นการกดดันความพยายามในการหาข้อตกลงทางการค้าร่วมกันระหว่งาสหรัฐฯและจีน ในการเจรจาระดับสูงที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้
·         นักวิเคราะห์จาก Rakuten Securities ระบุว่า มีโอกาสน้อยลงที่จะมีความคืบหน้าในเชิงบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และข่าวดังกล่าวน่าจะสร้างแรงกดดันให้กับค่าเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียทั้งนี้ ค่าเงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 109.19 เยน/ดอลลาร์
·         ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเรียอ่อนค่า 0.1% บริเวณ $0.7155 แต่สูงกว่าระดับอ่อนค่าที่สุดในวันนี้ หลังมีรายงานว่าสมาชิกบอร์ดบริหารของธนาคารกลางออสเตรเรีย ออกมาส่งสัญญาณว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของธนาคารกลาง น่าจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ด้านดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 95.72 จุด ซึ่งอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ตลาดกำลังจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 29 – 30 ม.ค. นี้ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์กันว่า นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด จะออกมาส่งสัญญาณถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
·         ตลาดยังคาดการณ์ว่า เฟดจะมีท่าทีระมัดระวังต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าในปีก่อน เนื่องมีแรงกดดันมาจากผลประกอบที่อ่อนแอของภาคบริษัทในสหรัฐฯ และการชะลอตัวของปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ
·         ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อย บริเวณ 1.1427 ดอลลาร์/ยูโร แต่ยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่าสัปดาห์ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดได้ตอบรับกับความอ่อนแอของตัวเลขเศรษฐกิจเยอรมนีและฝรั่งเศส รวมถึงท่าทีผ่อนคลายทางนโยบายการเงินจากอีซีบี ไปหมดแล้ว
·         ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.1% บริเวณ 1.3150 ดอลลาร์/ปอนด์ อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่ในคืนนี้ รัฐสภาอังกฤษมีกำหนดการลงมติในข้อตกลง Brexit อีกครั้งในคืนวันอังคารนี้ โดยการลงมติครั้งนี้ ไม่ใช่การลงมติเพื่อนำข้อตกลงดังกล่าวไปใช้เป็นกฏหมาย แต่จะเป็นการตัดสินว่าจะอนุมัติให้นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ สามารถนำข้อตกลงดังกล่าวไปเจรจากับทางอียูใหม่ได้หรือไม่
·         ค่าเงินปอนด์เทรดทรงตัวแถว 1.3100 ก่อนทราบการโต้วาทีและการลงมติ Brexit สำหรับ Plan B ในคืนนี้ ซึ่งหากมีการลงมติที่ประชุมเห็นชอบต่อ Plan B มีโอกาสเห็นค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นได้อีก
·         ค่าเงินเยนทรงตัวหลังจากที่กลับมาอ่อนค่าบริเวณ 109.4 เยน/ดอลลาร์ และเช้านี้แข็งค่ากลับลงมาเล็กน้อยในตลาดหุ้นเอเชีย ท่ามกลางความเชื่อมั่นเชิงลบในตลาดหุ้นเอเชีย ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯและข้อมูลผลประกอบการที่อ่อนแอ และความกังวลเกี่ยวกับภาวการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีน

และถึงแม้ว่าภาพรวมจะเป็นภาวะแข็งค่าแต่ก็เป็นภาวะแข็งค่าอย่างจำกัดตราบเท่าที่ค่าเงินเยนยังทรงตัวเหนือ 109.05 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญของเส้น Fibonacci ขณะที่หากค่าเงินเยนหลุดแนวรับ 109.05 เยน/ดอลลาร์ก็อาจเห็นนักลงทุนรอที่จะกลับมาเทขายอีกครั้ง

·         สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจแห่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการรายงานยอด GDP ของสหรัฐฯในไตรมาสที่ 4/2018 เนื่องจากภาวะ Shutdown ที่กินเวลาเกือบ 5 สัปดาห์เพิ่งหยุดลงเป็นการชั่วคราว

ภาวะ Shutdown ของสหรัฐฯได้ส่งผลกระทบให้การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจด้านต่างๆ ตั้งแต่ยอดค้าปลีกจนถึงภาคการก่อสร้างถูกเลื่อนการรายงานออกไป บรรดานักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนจึงขาดปัจจัยชี้นำการลงทุนและประเมินความเสี่ยงของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ภาวะ Shutdown ที่เพิ่งจบลงเป็นการชั่วคราวเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้ทำให้ตัวเลขด้านรายได้ในเดือน ธ.ค. ถูกเลื่อนการประกาศออกไปจากเดิมที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ เป็นวันอังคารสัปดาห์หน้าแทน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในเดือน ธ.ค. ตั้งแต่ยอดสั่งซื้อสินค้า คงทน ยอดค้าปลีก ยอดก่อสร้าง และยอดขายที่อยู่อาศัย ถูกเลื่อนออกไปเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นายแลรี่ คุดโลว ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ออกมากล่าวว่า ตัวเลข GDP ของสหรัฐฯจะถูกประกาศภายในสัปดาห์หน้า ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานจะถูกประกาศในวันศุกร์สัปดาห์นี้

·         รายงานจากสำนักข่าว Xinhua ระบุว่า ทีมตัวแทนการเจรจาค้าจากประเทศจีน นำโดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้เดินทางมาถึงกรุงวอชิงตันของสหรัฐฯแล้วในวันนี้ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯในวันต่อไป

 ·         นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าการเจรจาการค้ากับตัวแทนจีนในสัปดาห์นี้ จะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาทางการค้า ที่ซับซ้อน” ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงจะพยายามผลักดันให้เกิดข้อตกลงการค้าร่วมกัน

ทั้งนี้ การเจรจาจะจัดขึ้นในวันพุธและวันพฤหัสบดีนี้ ณ กรุงวอชิงตัน ของสหรัฐฯ ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจได้พบกับนายหลิว เห่อ โดยตรง ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่มีท่าทีเลวร้ายลง

Eswar Prasad ศาสตราจารย์ Cornell University และอดีตประธานองค์กร IMF คาดการณ์ว่า การเจรจาของทั้งสองฝ่ายอาจนำไปสู่ข้อตกลง เพียงส่วนหนึ่งหรือเป็นการชั่วคราว” เนื่องจากปัจจัยกดดันที่เกิดกับเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ อย่างการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความต้องการเสียงสนับสนุนทางการเมืองของนายทรัมป์

นอกจากนี้ ทั้ง ฝ่ายยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังไม่สามารถหาจุดยืนร่วมกันได้ ดังนั้นโอกาสที่การเจรจาจะจบลงด้วยข้อตกลงที่มั่นคงและเป็นระยะยาว น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก

·         กระทรวงยุติธรรมแห่งสหรัฐฯประกาศฟ้องร้องบริษัท Huawei ของจีน ในข้อหาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ โดยอ้างว่าทาง Huawei มีการค้าขายร่วมกับอิหร่านผ่านบริษัทสาขาย่อยในอิหร่านและพยายามปกปิดมาโดยตลอด

นอกจากนี้ ยังได้ฟ้องร้องในอีกข้อหาหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการขโมยเทคโนโลยีหุ่นยนต์จากบริษัท T-Mobile ของสหรัฐฯ

ขณะที่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งประเทศจีน ได้ออกมาตอบโต้การเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยระบุว่า การฟ้องร้อง Huawei เป็นไปด้วยความไม่ยุติธรรมและผิดจรรยาบรรณ

ส่วนทาง Huawei เองได้ออกมากล่าวแสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และยืนยันว่าทางบริษัทฯไม่มีการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรแต่อย่างใด พร้อมระบุว่าทางบริษัทฯได้มีการยื่นเรื่องเพื่อขอเจรจากับผู้มีอำนาจในกระทรวงฯ แต่ทางกระทรวงฯได้ปฏิเสธคำร้องดังกล่าวไปโดยไม่ได้ให้เหตุผลอะไรเลย

ทั้งนี้ การฟ้องร้อง Huawei อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับการเจรจาการค้าระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯและจีนที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ แม้นายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ จะได้ออกมายืนยันว่า การฟ้องร้องดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้อง” กับการเจรจาแม้แต่น้อย

นอกจากนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเคยกล่าวว่า ตนจะเข้าแทรกแซงกรณีการจับกุม CEO ของ Huawei หากการจับกุมดังกล่าวกลายเป็นภัยต่อความมั่นคงและการเจรจาการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ

·         รัฐสภาอังกฤษมีกำหนดการลงมติในข้อตกลง Brexit อีกครั้งในคืนวันอังคานี้ โดยการลงมติครั้งนี้ ไม่ใช่การลงมติเพื่อนำข้อตกลงดังกล่าวไปใช้เป็นกฏหมาย แต่จะเป็นการตัดสินว่าจะอนุมัติให้นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ สามารถนำข้อตกลงดังกล่าวไปเจรจากับทางอียูใหม่ได้หรือไม่ รวมถึงจะมีการโต้วาทีภายในรัฐสภาอังกฤษเพื่อหาแนวทางปรับปรุงร่างข้อตกลงดังกล่าวภายในคืนเดียวกันนี้

อย่างไรก็ตาม แม้อียูจะเคยยืนกรานว่าจะไม่ยอมเจรจาในข้อตกลงดังกล่าวอีกครั้ง แต่ได้มีการส่งสัญญาณว่าอาจยอมเจรจาในบางประเด็นของข้อตกลงดังกล่าว หากนางเมย์กลับมาเจรจากับอียูใหม่อีกครั้ง ด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจนและเป็นหนึ่งเดียวกันกับประชาชนอังกฤษ ซึ่งทางอังกฤษจำเป็นต้องหาจุดยืนร่วมกันให้ได้เสียก่อน

·         ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น หลังสหรัฐฯประกาศนโยบายคว่ำบาตรน้ำมันจากเวเนซุเอลา เพื่อกดดันให้นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา พิจารณาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ปริมาณอุปทานน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยที่กดดันไม่ให้ราคาน้ำมันสามารถปรับตัวสูงขึ้นไปมากกว่านี้

โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 0.3% หรือ 13 เซนต์ ที่บริเวณ 52.12 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.2% หรือ 12 เซนต์ ที่บริเวณ 60.05 เหรียญ/บาร์เรล

นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่า ปัญหาเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดยังคงยืดเยื้อ แม้ว่าจะมีมาตรการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกก็ตาม โดยปริมาณการผลิตน้ำมันยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการน้ำมันในสหรัฐฯอีก 2 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ปริมาณน้ำมันของสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 11.9 ล้านบาร์เรล/วัน ในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับความอ่อนแอของปริมาณอุปสงค์ เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอีกด้วย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com