• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 มกราคม 2562

    18 มกราคม 2562 | Economic News
·       ค่าเงินดอลลาร์ในช่วงบ่ายของตลาดนิวยอร์กเคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว หลังจากที่ในช่วงค่าเงินแข็งค่าขึ้นมาจากรายงานข่าวว่านายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐฯ กำลังพิจารณาผ่อนคลายภาษีนำเข้าจากจีน ก่อนที่ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงมา หลังกระทรวงการคลังได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว

โดยดัชนีดอลลาร์ในช่วงต้นตลาดปรับแข็งค่าขึ้น 0.07% บริเวณ 96.124 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาหลังกระทรวงการคลังปฏิเสธข่าว ลงมาบริเวณ 96.058 จุด ใกล้ระดับปิดตลาดเมื่อวานนี้

·       นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโรยังแข็งค่าขึ้นได้ หลังยูโรถูกกดดันลงมาโดยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่า หลังตลาดเริ่มมีความคาดหวังเกี่ยวกับการจัดการลงประชามติ Brexit รอบสอง

โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโรแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 1.1367 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ ก่อนจะอ่อนค่าลงเล็กน้อย ปิดตลาดที่บริเวณ 1.139 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางค่าเงินยูโรที่อ่อนค่า หลังทราบรายงานตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าระดับเป้าหมายของอีซีบี จึงสร้างความสับสนให้กับตลาดเนื่องจากอีซีบีเคยส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

·       นักวิเคราะห์จาก Oanda ระบุว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ประกาศออกมาอ่อนแอติดต่อกันในช่วงสัปดาห์นี้ ต่างบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว

·       รายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่า นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐฯ กำลังพิจารณาผ่อนคลายภาษีนำเข้าจากจีน รวมถึงยกเลิกนโยบายภาษีบางส่วนระหว่างการเจรจาการค้ากับจีนที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 ม.ค. นี้

อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า ทั้งนายมนูชิน รวมถึงนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ ต่างไม่มีแนวคิดที่จะปรับลดภาษีนำเข้าจากจีนระหว่างการเจรจาการค้ากับจีนแต่อย่างใด อีกทั้งกระบวนการเจรจาก็ยังคงไม่เสร็จสิ้นดี

·       โฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์จีนยืนยัน นายหลิว อี้ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางเยือนสหรัฐฯระหว่างวันที่ 30 และ 31 ม.ค. นี้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเจรจาการค้าร่วมกับสหรัฐฯอีกรอบ

·       นายชาลส์ อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า ปีนี้ช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่เฟดจะพิจารณาชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากนายอีวานส์มีมุมมองว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯจากเดิมที่อยู่เหนือเส้นเทรน กำลังจะกลับเข้ามาอยู่ในเทรน แต่ยังมีความไม่แน่นอนอีกมาก เฟดจึงควรชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจับตาดูเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

·       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการเดินทางของทีมตัวแทน ที่จะเดินทางไปร่วมประชุม World Economic Forum ที่จะจัดขึ้นสัปดาห์หน้า ณ กรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอแลนด์ เนื่องปัญหาภาวะ Shutdown ของสหรัฐฯยังคงยืดเยื้อ

ทั้งนี้ ทีมตัวแทนดังกล่าวถูกคาดว่าจะนำทีมโดยนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ รวมถึงงนายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ 

·       กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการลงประชามติ Brexit รอบที่สอง เริ่มมีมากขึ้น หลังพรรค Scottish National Party รวมถึง พรรค Green party และ พรรค Liberal Democrats ในรัฐสภาอังกฤษได้เข้าร่วมกับพรรค Labour เพื่อเรียกร้องให้เกิดการลงประชามติรอบสอง

และไม่ใช่แค่ภายในรัฐสภาเท่านั้น บรรดาผู้นำธุรกิจในอังกฤษต่างมีการส่งจดหมายมายังรัฐสภาเพื่อเรียกร้องให้พิจารณาจัดการลงประชามติรอบสองเป็นจำนวนมากขึ้น

ขณะที่รายงานจาก The Guardian ระบุว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงและลงมติเกี่ยวกับ “Plan B” ในวันที่ 29 ม.ค. นี้ 

·       ราคาน้ำมันปิดตลาดลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของปริมาณการผลิตน้ำมันสหรัฐฯ และความอ่อนแอของปริมาณอุปสงค์ในน้ำมันทั่วโลก เนื่องจากถูกกดดันโดยกรณีข้อพิพาททางการค้าระหว่งาจีน-สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -0.5% หรือ -24 เซนต์ ที่ระดับ 52.07 เหรียญ/บาร์เรล โดยทำระดับต่ำสุดรายวันที่ระดับ 50.98 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด -14 เซนต์ ที่ระดับ 61.18 เหรียญ/บาร์เรล โดยทำระดับต่ำสุดรายวันที่ระดับ 60.04 เหรียญ/บาร์เรล

·       รายงานประจำเดือนของกลุ่มโอเปก ได้ปรับคาดการณ์ปริมาณอุปสงค์น้ำมันในปี 2019 ลงสู่ระดับ 30.83 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 910,000 ล้านบาร์เรล/วัน จากภาพรวมของปี 2018

·       นักวิเคราะห์จาก BNP Paribas ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent จำเป็นต้องยืนเหนือระดับ 62 เหรียญ/บาร์เรล ถึงจะมีโอกาสขึ้นต่อไปถึงระดับ 65เหรียญ/บาร์เรล และถ้าหากมีความคืบหน้าไปในทางบวกเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ก็มีโอกาสที่ราคาจะฟื้นตัวไปถึงระดับ70 เหรียญ/บาร์เรล

·       ค่าเงินดอลลาร์ในช่วงบ่ายของตลาดนิวยอร์กเคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว หลังจากที่ในช่วงค่าเงินแข็งค่าขึ้นมาจากรายงานข่าวว่านายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐฯ กำลังพิจารณาผ่อนคลายภาษีนำเข้าจากจีน ก่อนที่ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงมา หลังกระทรวงการคลังได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว

โดยดัชนีดอลลาร์ในช่วงต้นตลาดปรับแข็งค่าขึ้น 0.07% บริเวณ 96.124 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงมาหลังกระทรวงการคลังปฏิเสธข่าว ลงมาบริเวณ 96.058 จุด ใกล้ระดับปิดตลาดเมื่อวานนี้

·       นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโรยังแข็งค่าขึ้นได้ หลังยูโรถูกกดดันลงมาโดยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่า หลังตลาดเริ่มมีความคาดหวังเกี่ยวกับการจัดการลงประชามติ Brexit รอบสอง

โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโรแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 1.1367 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ ก่อนจะอ่อนค่าลงเล็กน้อย ปิดตลาดที่บริเวณ 1.139 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางค่าเงินยูโรที่อ่อนค่า หลังทราบรายงานตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าระดับเป้าหมายของอีซีบี จึงสร้างความสับสนให้กับตลาดเนื่องจากอีซีบีเคยส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

·       นักวิเคราะห์จาก Oanda ระบุว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ประกาศออกมาอ่อนแอติดต่อกันในช่วงสัปดาห์นี้ ต่างบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว

·       รายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่า นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงคลังสหรัฐฯ กำลังพิจารณาผ่อนคลายภาษีนำเข้าจากจีน รวมถึงยกเลิกนโยบายภาษีบางส่วนระหว่างการเจรจาการค้ากับจีนที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 ม.ค. นี้

อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการคลังสหรัฐฯได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า ทั้งนายมนูชิน รวมถึงนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ ต่างไม่มีแนวคิดที่จะปรับลดภาษีนำเข้าจากจีนระหว่างการเจรจาการค้ากับจีนแต่อย่างใด อีกทั้งกระบวนการเจรจาก็ยังคงไม่เสร็จสิ้นดี

·       โฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์จีนยืนยัน นายหลิว อี้ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางเยือนสหรัฐฯระหว่างวันที่ 30 และ 31 ม.ค. นี้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเจรจาการค้าร่วมกับสหรัฐฯอีกรอบ

·       นายชาลส์ อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า ปีนี้ช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่เฟดจะพิจารณาชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากนายอีวานส์มีมุมมองว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯจากเดิมที่อยู่เหนือเส้นเทรน กำลังจะกลับเข้ามาอยู่ในเทรน แต่ยังมีความไม่แน่นอนอีกมาก เฟดจึงควรชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจับตาดูเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

·       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกการเดินทางของทีมตัวแทน ที่จะเดินทางไปร่วมประชุม World Economic Forum ที่จะจัดขึ้นสัปดาห์หน้า ณ กรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอแลนด์ เนื่องปัญหาภาวะ Shutdown ของสหรัฐฯยังคงยืดเยื้อ

ทั้งนี้ ทีมตัวแทนดังกล่าวถูกคาดว่าจะนำทีมโดยนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ รวมถึงงนายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ 

·       กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการลงประชามติ Brexit รอบที่สอง เริ่มมีมากขึ้น หลังพรรค Scottish National Party รวมถึง พรรค Green party และ พรรค Liberal Democrats ในรัฐสภาอังกฤษได้เข้าร่วมกับพรรค Labour เพื่อเรียกร้องให้เกิดการลงประชามติรอบสอง

และไม่ใช่แค่ภายในรัฐสภาเท่านั้น บรรดาผู้นำธุรกิจในอังกฤษต่างมีการส่งจดหมายมายังรัฐสภาเพื่อเรียกร้องให้พิจารณาจัดการลงประชามติรอบสองเป็นจำนวนมากขึ้น

ขณะที่รายงานจาก The Guardian ระบุว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงและลงมติเกี่ยวกับ “Plan B” ในวันที่ 29 ม.ค. นี้ 

·       ราคาน้ำมันปิดตลาดลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของปริมาณการผลิตน้ำมันสหรัฐฯ และความอ่อนแอของปริมาณอุปสงค์ในน้ำมันทั่วโลก เนื่องจากถูกกดดันโดยกรณีข้อพิพาททางการค้าระหว่งาจีน-สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -0.5% หรือ -24 เซนต์ ที่ระดับ 52.07 เหรียญ/บาร์เรล โดยทำระดับต่ำสุดรายวันที่ระดับ 50.98 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด -14 เซนต์ ที่ระดับ 61.18 เหรียญ/บาร์เรล โดยทำระดับต่ำสุดรายวันที่ระดับ 60.04 เหรียญ/บาร์เรล

·       รายงานประจำเดือนของกลุ่มโอเปก ได้ปรับคาดการณ์ปริมาณอุปสงค์น้ำมันในปี 2019 ลงสู่ระดับ 30.83 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 910,000 ล้านบาร์เรล/วัน จากภาพรวมของปี 2018

·       นักวิเคราะห์จาก BNP Paribas ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent จำเป็นต้องยืนเหนือระดับ 62 เหรียญ/บาร์เรล ถึงจะมีโอกาสขึ้นต่อไปถึงระดับ 65เหรียญ/บาร์เรล และถ้าหากมีความคืบหน้าไปในทางบวกเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ก็มีโอกาสที่ราคาจะฟื้นตัวไปถึงระดับ70 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com