• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 10 มกราคม 2562

    10 มกราคม 2562 | Economic News

·         ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์ ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และทำให้นักลงทุนมีการลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยลง


ข่าวการเจรจาทางการค้านอกรอบเมื่อวานนี้ของสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ช่วยหนุนราคาน้ำมัน ประกอบกับความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุน จึงทำให้เกิดกระแสคาดการณ์กันว่าท่าทีที่อ่อนลลงมากขขึ้นของจีนจะทำให้ทิศทางการค้าสดใสขึ้น และนั่นส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียและหุ้นยุโรปฟื้นตัว


ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง  0.75ที่ 95.18 จุด หลังจากที่ลงไปทำระดับอ่อนค่ามากสุดรอบ 3 เดือน ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.9ที่ 1.1543 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ปรับขึ้น 0.27ที่ 1.2751 ดอลลาร์/ปอนด์


ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.63ที่ 108.05 เยน/ดอลลาร์


·         นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Societe Generale กล่าวว่า การประชุมเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมาและถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดในคืนนี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสะท้อนว่าเฟดคิดอย่างไรและเห็นด้วยกับมุมมองของประธานเฟดหรือไม่ และหากมีสัญญาณที่เฟดดูตั้งใจจะชะลอการึ้นดอกเบี้ย ก็จะส่งผลให้ตลาดอ่อนไหวและทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อ

·         รายงานการประชุมเฟดเดือน ธ.ค.ที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ แสดงให้เห็นว่าบรรดาสมาชิกเฟดมีมุมมองที่ ไร้ความชัดเจน” เกี่ยวกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อๆไป แม้เฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาก็ตาม อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและจับตาทิศทางของเศรษฐกิจไปก่อน

·         ในการเจรจาการค้าระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯและจีนในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทางสหรัฐฯได้พยายามเรียกร้องให้ทางจีนมีแสดงความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงจะเข้าซื้อสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น รวมถึงพยายามกดดันให้ทางจีนมีการดำเนินการเปลี่ยนนโยบายด้านการอุตสาหกรรม นโยบายด้านการปกป้องสินทรัพย์ทางปัญญา การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และการซื้อขายสินค้ากลุ่มที่ไม่มีภาษีเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ เหลือเวลาอีกประมาณ 40 กว่าวัน ก่อนที่จะกำหนดการของสัญญาสงบศึกเป็นเวลา 90 วัน  ขณะที่การเจรจาการค้าของทั้ง 2 ฝ่ายยังมีความคืบหน้าไม่มากนัก ขณะที่การเจรจาครั้งล่าสุด ไม่ใช่การเจรจาในระดับคณะรัฐมนตรี ส่วนใหญ่จึงไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถหาข้อตกลงที่จะมาหยุด Trade warได้แต่อย่างใด


·         กระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีนระบุว่า การเจรการค้ากับสหรัฐฯในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีความคืบหน้าไปในทิศทางที่ดี และการเจรจาครั้งนี้ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการแก้ไข้ปัญหาความขัดแย้งในอนาคตได้ นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะรักษาการติดต่อกันเอาไว้อย่างใกล้ชิด

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินออกจากที่ประชุมกับบรรดาหัวหน้าพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ในหัวข้อเกี่ยวกับงบประมาณก่อสร้างกำแพงชายแดน และการหยุดภาวะ Shutdown ของสหรัฐฯ โดยนายทรัมป์กล่าวว่า เป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

การประชุมเมื่อคืนนี้ มีผู้เข้าร่วมคือนายชัค ชูมเมอร์ หัวหน้าพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา นางแนนซี่ เปโลซี โฆษกประจำสภาผู้แทนราษฎร และนายทรัมป์ ซึ่งการประชุมจบลงโดยที่ยังคงไร้ความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้ไขภาวะ Shutdown ของสหรัฐฯ ที่ได้ดำเนินเข้าสู่วันที่ 19

·         สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯได้ทำการลงมติผ่านร่างงบประมาณที่จะมาหยุดภาวะ Shutdown ด้วยคะแนนเสียง 240 ต่อ 188 ไปเมื่อคืนนี้ แต่ยังคงไม่รวมงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพงชายแดนตามข้อเรียกร้องของนายทรัมป์ไว้เช่นเดิม

ร่างงบประมาณดังกล่าวจะถูกส่งไปทำการลงมติในวุฒิสภาต่อไป แต่มีแนวโน้มต่ำที่ร่างงบประมาณจะผ่านการลงมติได้ หลังผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ประกาศจะไม่ให้การสนับสนุนร่างงบประมาณ หากไม่มีการรวมงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพงชายแดน

·         ทีมทนายความประจำตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่านายทรัมป์จะไม่ให้ความร่วมมือในการตอบคำถามใดๆจากคณะสืบสวนพิเศษนำโดยนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ เกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 อีกต่อไป

โดยนายทรัมป์ได้ตอบคำถามของคณะสืบสวนเป็นลายลักษณ์อักษรไปเมื่อเดือน พ.ย. ขณะที่ทางคณะสืบสวนได้ส่งสัญญาณจะมีการสอบสวนนายทรัมป์เพิ่มเติม แต่ทางทีมทนายความกับปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ที่นายทรัมป์จะให้ความร่วมมือไปเสียก่อน

·         รัฐสภาอังกฤษเรียกร้องให้นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมแผนสำรองเป็นการด่วน สำหรับในกรณีที่การลงมติข้อตกลง Brexit ในรัฐสภาวันที่ 15 ม.ค. ประสบความล้มเหลว

ท่ามกลางระยะเวลาที่เหลือไม่ถึง 3 เดือน ก่อนที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากอียู นางเมย์ยังคงดึงดันที่จะดำเนินการตามแผนของเธอที่ไม่เป็นที่เห็นชอบนักจากเสียงส่วนใหญ่ในสภา ประกอบกับการที่นางเมย์เพิ่งเสียเสียงสนับสนุนจากพรรคไอร์แลนด์เหนือ จึงมีแนวโน้มสูงที่การลงมติสัปดาห์หน้าจะลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของนางเมย์


ขณะที่ทางนายเจเรมี โคบลิน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในรัฐสภาอังกฤษ ระบุว่าทางฝ่ายค้านจะเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้ง ในการกรณีที่นางเมย์ล้มเหลวในการลงมติ Brexit สัปดาห์หน้า

 

·         ราคาน้ำมันปิดปรับตัวขึ้น โดยรีบาวน์กลับหลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลง ขณะที่ซาอุดิอาระเบียยอมรับว่าผลผลิตน้ำมันและยอดส่งออกมีการปรับตัวลดลง


นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติ Trade War ที่ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำมัน


น้ำมันดิบ WTI พุ่งทะยานกว่า 5% ไปทำระดับสูงสุดใหม่รอบเกือบ 1 เดือนที่ 52.58 เหรียญ/บาร์เรลในช่วงต้นตลาด ก่อนที่ภาพรวมจะปิดปรับขึ้น 2.58 เหรียญ คิดเป็น +5.2% ที่ 52.36 เหรียญ/บาร์เรล


 น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 2.55 เหรียญ คิดเป็น +4.3% ที่ 61.27 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำ High ช่วงต้นตลาดที่ 61.58 เหรียญ/บาร์เรล 



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com