• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 2 มกราคม 2562

    2 มกราคม 2562 | Economic News
\
·         ค่าเงิน Safe-haven อย่างเงินเยนมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในวันนี้ ท่ามกลางตลาดที่ยังคงระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในวันทำการแรกของปี 2019 ท่ามกลางสัญญาณของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

โดยค่าเงินเยนปรับแข็งค่า 0.3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่บริเวณ 109.39 เยน/ดอลลาร์ โดยเป็นการปรับแข็งค่าติดต่อกันได้ 3 สัปดาห์ ท่ามกลางปริมาณซื้อขายที่เบาบาง ก่อนตลาดนิวยอร์กกลับมาทำการอีกครั้งในคืนนี้ ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นยังคงปิดทำการเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 

นักวิเคราะห์จาก Bank of Singapore ระบุว่า เป็นเรื่องยากที่ตลาดจะมีมุมมองไปในทิศทางบวก เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ไร้ความชัดเจนอยู่อีกมาก โดยเฉพาะประเด็น Trade warจึงช่วยให้ค่าเงินเยนทีเป็น Safe-haven ปรับแข็งค่าขึ้นได้ในวันนี้

ทางด้านดัชนีดอลลาร์วันนี้ ค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 96.17 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดตลาดของวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับลดลง 0.35% สู่ระดับ 2.69% ท่ามกลางตลาดที่มีมุมมองว่าเฟดอาจพิจารณาไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้แม้แต่ครั้งเดียว

ด้านค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.16% บริเวณ 1.1446 ดอลลาร์/ยูโร โดยตลาดยังคงคาดการณ์ว่าค่าเงินจะยังคงเผชิญแรงกดดันอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของอีซีบี สำหรับภาพรวมปี 2018 ค่าเงินยูโรได้อ่อนค่าลง 4.4% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์

·         นายสี จิ้นผิง กล่าวข่มขู่ไต้หวัน ถึงความพยายามที่จีนจะนำไต้หวันกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนแม้ว่าจะต้องใช้กำลังก็ตาม แต่ยืนยันจะให้ความสำคัญไปยังการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีเป็นหลัก 

 ·         กิจกรรมภาคอุตสาหกกรมทั่วทวีปเอเชียต่างชะลตัวลงในเดือน ธ.ค. ท่ามกลางผลกระทบจาก Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่สร้างความเสียหายให้กับภาคการผลิตของประเทศส่วนใหญ่ จึงยิ่งส่งสัญญาณว่าบรรดาธนาคารกลางในเอเชียมีแนวโน้มจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2019

โดยดัชนี PMI ประจำเดือน ธ.ค. ที่ประกาศออกมาในวันนี้ แสดงให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมในเอเชียมีกิจกรรมที่ชะลอตัวหรือลดลงน้อยลง โดยเฉพาะดัชนี PMI ของจีน ที่ปรับลดลงหลุดระดับ 50 จุด ที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรม เป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน

สำหรับภูมิภาคอื่นๆ เช่น ยูโรโซนมีแนวโน้มที่จะประกาศข้อมูลภาคอุตสาหกรรมออกมาในระดับทรงตัว ขณะที่ของสหรัฐฯถูกคาดการ์ว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อย จึงเป็นสัญยาณว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากประเด็น Trade war

นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงในปีนี้จริงๆ โดยเฉพาะกับประเทศที่เน้นการส่งออกเป็นหลัก สำหรับบรรดาธนาคารกลาง ถูกคาดการณ์ว่าส่วนใหญ่จะคงนโยบายไว้ในปี 2019 และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีแนรวโน้มจะประกาศออกมาอ่อนแอ ก็น่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินงานของธนาคารกลางได้

·         ทางการจีนมีแผนลงทุนเพื่อขยายทางรถไฟออกเป็นระยะทาง 6,800 กิโลเมตร (4,225 ไมล์) ภายในปี 2019 คิดเป็นการขยายทางรถไฟจากเดิมที่ก่อสร้างในปีที่ผ่านมาประมาณ 40%

สำหรับงบประมาณการลงทุนก่อสร้างรางรถไฟของปีที่ผ่านมา ทางการจีนได้ใช้เม็ดเงินไปทั้งหมด 8.029 แสนล้านหยวน (1.1712 แสนล้านเหรียญ) ส่วนงบประมาณลงทุนเริ่มต้นสำหรับปีนี้อยู่ที่ 7.32 แสนล้านหยวน ซึ่งตั้งเอาไว้ตั้งแต่เดือน ม.ค. ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังไม่ได้ให้เป้าหมายสำหรับการลงทุนรางรถไฟตลอดปี 2019 แต่อย่างใด

·         นักวิเคราะห์จาก J.P. Morgan ระบุว่า หากกลุ่มโอเปกไม่ดำเนินการปรับลดกำลังการผลิตตามที่ตกลงกันไว้ ราคาน้ำมันก็มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้

โดยกลุ่มโอเปกได้มีข้อตกลงร่วมกันในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ว่าจะปรับกำลังการผลิตลงเป็นปริมาณ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน และจะเริ่มต้นในเดือน ม.ค. เป็นระยะเวลา 6 เดือน ท่ามกลางตลาดน้ำมันที่ยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาด 

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประมาณ 1% ในวันแรกของการซื้อขายปี 2019 ซึ่งถูกกดดันมากจากปริมาณการผลิตสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเนื่องจากข้อมูลภาคอุตสาหกรรมจีนออกมาแย่ลง

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 1.1% ที่ระดับ 53.19 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 1% ที่ะรดับ 44.95 เหรียญ/บาร์เรล 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com