• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 20 ธันวาคม 2561

    20 ธันวาคม 2561 | Economic News

·         การประชุมเฟดเมื่อคืนนี้มีการประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%สู่กรอบ 2.25-2.5% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 4 ของปีนี้ และเป็นครั้งที่ 9 นับตั้งแต่ที่เริ่มตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติในเดือนธ.ค. ปี 2015 โดยเพิกเฉยต่อการทวิตเตอร์วิจารณ์การขึ้นดอกเบี้ยจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะเดียวกันเฟดมีการปรับลดคาดการณ์จำนวนการขึ้นดอกเบี้ย โดยสมาชิกเฟดมองว่าเฟดน่าจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งปีนี้จากคาดการณ์เดิมที่มองโอกาสไว้ที่จำนวน 3 ครั้ง


ท่าทีหลังจบประชุมนั้นเฟดไม่ได้มีการกล่าวถ้อยแถลงในเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงิน หรือดูเป็นเรื่องง่ายต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งในถ้อยแถลงการณ์ประชุมนั้นเฟดมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยยังคงเป็นเรื่องที่เหมาะสมจึงไม่ถือเป็นถ้อยแถลงในเชิงของการผ่อนคลายท่าทีคุมเข้มทางการเงินเท่าใดนัก


 อย่างไรก็ดี เฟดมีการปรับลดแนวโน้มดอกเบี้ยระยะยาวจาก 3% สู่ระดับ 2.8ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยปีหน้าปรับลงมาที่ 2.9จากเดิมที่ 3.1% และในปี 2020 และ 2021 ปรับลดจาก 3.4% สู่ 3.1%


ในส่วนของทิศทางเศรษฐกิจนั้นเฟดยังมองว่าจีดีพีจะปรับขึ้นได้ 3% ตลอดปี  โดยลดลงจาก 3.1ขณะที่ปี 2019 ปรับลดแนวโน้มลง 0.2% สู่ระดับ 2.3แต่ภาพรวมระยะยาวมีการปรับขึ้นมาที่ 1.9% จากเดิม 1.8%


นอกจากนี้ ภาพรวมสมาชิกเฟดยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯเพียงเล็กน้อย และมองค่าเฉลี่ยจีดีพีปีนี้ไว้ที่ 3.3% ขณะที่เฟดแอตแลนต้ามองจีดีพีไตรมาส 4 ปีนี้จะขยายตัวได้ 2.9%


ทางด้านเงินเฟ้อเฟดปรับลดมุมมองจากคาดการณ์ในเดือนก.ย.ลงมาที่ 1.9% จากเดิมที่มองว่าปีนี้จะขยายตัวได้ 2.1% ขณะที่ปีหน้าลดลงจาก 2% สู่ระดับ 1.9% และระยะยาวยังคงเป้าหมายเดิมที่ 2โดยบรรดาสมาชิกเฟดยังคงมองแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าเป็นไปด้วยอัตราที่แข็งแกร่ง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากทิศทางที่ยังดีอยู่ในเวลานี้

 

·         ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่โดยภาพรวมยังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่าหลังจากที่เฟดดูมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินน้อยกว่าที่ตลาดคาด แม้ว่าจะปรับลดมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าน้อยกว่าคาดการณ์เดิมในประชุมเดือนก.ย.ก็ตาม


โดยนักวิเคราะห์บางราย คาดว่า จะเห็นค่าเงินดอลลาร์แกว่งเช่นนี้จนถึงช่วงสิ้นปี แต่น่าจะมีทิศทางเป็นขาลงได้หากเฟดมีการเพิ่มท่าทีระมัดระวังต่อการดำเนินนโยบายหรือจับตาไปยังกลุ่มดัชนีชี้วัดที่จะเป็นปัจจัยสำคัญก่อนที่จะขึ้นดอกเบี้ย


ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงในช่วงปลายตลาด 0.2% ที่ 96.940 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.2% มาที่ 112.36 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินยูโรปรับแข็งค่า 0.2% ที่ 1.1382 ดอลลาร์/ยูโร


·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เริ่มดำเนินการเรียกทหารที่สังกัดอยู่ในซีเรียทั้งหมดกลับประเทศแล้ว โดยประกาศว่าภารกิจในการต่อสู้กับกลุ่ม IS ของพวกเขาได้สำเร็จลุล่วง และไม่มีความจำเป็นจะต้องคงอยู่ในซีเรียอีกต่อไป

ทั้งนี้ กองกำลังทหารทั้งหมดกว่า 2,000 นาย จะทยอยเดินทางกลับประเทศจนกว่าจะครบทุกคน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ อาจทำให้สหรัฐฯขาดวิธีรับมือในกรณีที่กลุ่ม IS หวนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งทางสหรัฐฯอาจใช้วิธีทางการทูตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในซีเรียเพื่อป้องกันการกลับมากลุ่ม IS มากขึ้นแทน


·         รัฐบาลสหรัฐฯประกาศขยายมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ด้วยการเพิ่มรายชื่อบุคคล 15 คน และองค์กรอีก 4 แห่งเข้าสู่บัญชีดำ โดยรายชื่อดังกล่าวเป็นผู้ที่ถูกต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2016 รวมถึงการโจรกรรมทางข้อมูลอื่นๆทั่วโลก

·         บีโอเจมีแนวโน้มสูงที่จะประกาศคงนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้ และอาจส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นมากขึ้น รวมถึงอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษที่น้อยลง

นอกจากนี้ บรรดาสมาชิกบอร์ดบีโอเจน่าจะมีการหารือเกี่ยวกับการปรับลดลงอย่างมากของอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของญี่ปุ่น หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งสัญญาณอาจปรับร่วงลงมาต่ำกว่าระดับ 0% ที่อาจทำให้ความพยายามในการควบคุมให้ Yield curve เคลื่อนไหวในขาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ภาคการเงินประเทศมีความผ่อนคลายมากขึ้นของบีโอเจหยุดชะงักลง

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยฟื้นตัวจากแรงเทขายในช่วงก่อนหน้า หลังจากข้อมูลของสหรัฐฯแสดงให้เห็นถึงความต้องการปริมาณการกลั่นน้ำมันที่แข็งแกร่ง ขณะที่ความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนยังคงอยู่ในเชิงลบ เนื่องจากความต้องการที่ยังคงอ่อนแอและภาวะอุปทานล้นตลาด

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 1.7% ที่ระดับ 57.24 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.1% ที่ระดับ 47.20 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com