• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2561

    3 ธันวาคม 2561 | Economic News

• ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.13% เช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 97.14 จุด หลังความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆเพิ่มสูงขึ้น จากการที่ผู้นำสหรัฐฯและจีนสามารถเจรจาสงบศึกในสงครามการค้าลงเป็นการชั่วคราวได้ในระหว่างการประชุม G20 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยทางทำเนียบขาวแห่งสหรัฐฯ ได้ยืนยันว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ว่าสหรัฐฯไม่ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ ขึ้นสู่ระดับ 25% จากเดิมที่ 10% ตามกำหนดการเดิมที่วางไว้ในวันที่ 1 ม.ค. เป็นการชั่วคราว และทางสหรัฐฯ-จีนจะพยายามร่วมกันเจรจาเพื่อหาจุดยืนร่วมกันทางการค้าให้ได้ภายในระยะเวลา 90 วัน

ด้านค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ประมาณ 0.54% ที่บริเวณ 6.9134 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราแข็งค่าที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.

ขณะที่ค่าเงินเยนที่เป็น Safe-haven ปรับอ่อนค่าประมาณ 0.2% บริเวณ 113.68 เยน/ดอลลาร์ จึงบ่งชี้ถึงภาวะ Risk-on ของตลาดที่กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ส่วนค่าเงินยูโรแข็งค่า 0.16% บริเวณ 1.1333 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางแรงหนุนจากแรงเทขายในค่าเงินดอลลาร์

นักวิเคราะห์จาก NAB ประเมินว่า การสงบศึกระหว่างสหรัฐฯ-จีนถือว่าเป็นข่าวดีต่อตลาด พร้อมคาดการณ์ว่าแรงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะ Safe-haven จะเริ่มเบาบางลงขณะที่ค่าเงินความเสี่ยงสูงอย่างออสเตรเรียและสวิตเซอแลนด์ดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะปรับแข็งค่าขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก ANZ ได้เตือนว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังไม่จบลงแค่นี้ เนื่องจากจีนยังจำเป็นต้องทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ว่าด้วยการปฏิรูปโครงสร้างทางการค้าให้ได้เสียก่อน ดังนั้นมุมมองเกี่ยวกับความขัดแย้งในระยะกลางยังถือว่ามีความเสี่ยงสูงอยู่

นอกจากประเด็นทางการค้าแล้ว ตลาดจะจับตาการประชุมภายในเดือน ธ.ค. นี้ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าเฟดจะทำการปรับอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ขณะที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด มีกำหนดจะขึ้นรายงานต่อคณะกรรมธิการด้านเศรษฐกิจแห่งสภาคองเกรสภายในสัปดาห์นี้

• รายงานจาก Reuters ระบุว่าสหรัฐฯและจีนต่างมีมติที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าออกไปเป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการเจรจาหาข้อตกลงทางกาค้าร่วมกันอีกครั้ง แต่ถ้าการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จภายในระยะเวลาดังกล่าวทั้งสองฝ่ายก็ตกลงว่านโยบายภาษีนำเข้าจากจีนฉบับล่าสุดที่เรียกเก็บภาษีมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญจะถูกปรับขึ้นอัตราภาษีเป็น 25% จากเดิมที่ 10%

ขณะที่ทางจีนก็ตกลงที่จะทำการเข้าซื้อสินค้าในกลุ่มการเกษตร พลังงาน อุตสาหกรรมและสินค้าอื่นๆ จากสหรัฐฯเป็นปริมาณ “มาก” แต่ไม่ได้ระบุเป็นปริมาณที่ชัดเจนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังตกลงที่จัดการเจรจาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา กำแพงทางการค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษี รวมถึงการโจรกรรมทางไซเบอร์และการเกษตร

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี กล่าวว่าเขาจะทำการ ยกเลิกสนธิสัญญา NAFTA ในเร็วๆนี้ พร้อมในเวลาบรรดา ส.ส. ในสภาอนุมัติข้อตกลงทางการค้าฉบับใหม่ที่นายทรัมป์ร่วมลงนามกับผู้นำเม็กซิโกและแคนาดาภายระยะเวลาใน 6 เดือน

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายทรัมป์ พร้อมด้วยนายจิสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา และนายเอ็นริเก เปนญา เนียโต ประธานาธิบดีเม็กซิโก ได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาทางการค้าฉบับใหม่ล่าสุดทีเรียกว่า United States-Mexico-Canada Agreement (USMCA)

• ราคาน้ำมันปรับลดลงต่อในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางแรงกดดันจากปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ยังเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นของตลาด แม้ว่าจลาดบางส่วนจะมีความหวังกลุ่มโอเปกและรัสเซียจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตระหว่างการประชุมสัปดาห์นี้ได้ก็ตาม

โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -0.52 เหรียญ หรือ 1% ที่ระดับ 50.93 เหรียญ/บาร์เรล โดยทำระดับต่ำสุดรายวันที่ 49.65 เหรียญ/บาร์เรล

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด -0.76 เหรียญ หรือ 1.3% ที่ระดับ 58.75 เหรียญ/บาร์เรล โดยทำระดับต่ำสุดรายวันที่ 58.25 เหรียญ/บาร์เรล

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันทั้ง 2 ตัวต่างปิดตลาดรายเดือนด้วยอัตราที่อ่อนแอที่สุดในรอบกว่า 10 ปี โดยปรับลดลงไปกว่า 20% ท่ามกลางแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com