• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561

    28 พฤศจิกายน 2561 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลในตลาดเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่งผลให้บรรดานักลงทุนมีการเข้าซื้อเงินดอลลาร์เพื่อถือครองในฐานะ Safe-haven และในขณะที่ตลาดกำลังรอคอยสัญญาณจากเฟดเกี่ยวกับทิศทางต่อไปของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

โดยในคืนนี้ตลาดจะจับตาไปที่การกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน คืนนี้ ตามเวลาประเทศไทย และรายงานการประชุมของเฟดครั้งที่ผ่านมา ที่จะเปิดเผยในคืนพรุ่งนี้

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก OCBC Bank คาดการณ์ว่า ถ้อยแถลงของนายโพเวลล์จะไม่มีอะไรแตกต่างออกไปจากแผนการดำเนินงานเดิมของเฟดแต่อย่างใด และยังคงมองว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือน ธ.ค. นี้ดังเดิม

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวบริเวณ 97.38 จุด หลังจากเคลื่อนไหวในแดนบวกติดต่อกัน 3 ช่วงตลาด ซึ่งกำลังเคลื่อนไหวใกล้กับระดับสูงสุดในรอบปีที่ 97.69 จุด

· ด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าแตะระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 113.85 เยน/ดอลลาร์

· ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่า 0.07% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 1.1295 ดอลลาร์/ยูโร โดยค่าเงินยูโรได้อ่อนค่าลงมากว่า 1.5% ในช่วงตลาดก่อนหน้า ท่ามกลางแรงกดดันจากสัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจยูโรโซน และความตึงเครียดทางการเมืองจากประเด็นความขัดแย้งด้านแผนงบประมาณระหว่างอียูและอิตาลี

· FX Street ชี้ ดัชนีดอลลาร์มีการปรับแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินหลักส่วนใหญ่ หลังเมื่อวานนี้ไปทำ High 97.5 จุด ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 13 พ.ย. ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟดและความตึงเครียด Trade War

· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นักลงทุนให้ความสนใจไปยังถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงจำนนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่สัยญาณการชะลอตัวของเศรษบกิจโลก และความผันผวนของตลาดในช่วง 2 เดือนมานี้ อาจส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอาจทำให้เฟดยิ่งชะลอการขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าได้

· รัฐบาลสหรัฐฯและอังกฤษระบุว่า การเจรจาเพื่อเปิดน่านฟ้าของทั้ง 2 ประเทศสำหรับเครื่องบินโดยสาร ภายหลังการแยกตัวออกจากอียูของอังกฤษ ใกล้ที่จะประสบความสำเร็จแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายคาดการณ์การประชุมภายในวันพุธนี้ จะเป็นรอบสุดท้ายที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในที่สุ

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าเขาอาจพิจารณายกเลิกการพบกับนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ระหว่างการประชุม G20 ในประเทศอาร์เจนติน่า หลังมีรายงานว่ารัสเซียได้เข้ายึดเรือรบของยูเครนจำนวน 3 ลำ พร้อมควบคุมตัวลูกเรือทั้งหมดเอาไว้

โดยเดิมทีนายทรัมป์มีกำหนดการที่จะพบกับนายปูตินระหว่างการประชุม G20 ในวันศุกร์และวันเสาร์นี้ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับปัญหาการรักษาความปลอดภัยระหว่างประเทศ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางและยูเครน

· เฟดถูกคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าพวกเขาจะทำการระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราวภายในช่วงกลางปี 2019 แต่ Morgan Stanley ยังคงมองว่าหุ้นในกลุ่มการเงินของสหรัฐฯจะยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้

· ประเด็นการเมืองในยุโรปสำหรับ Brexit ก็ยังคงมีความไม่แน่นอน หลังจากที่บรรดาผู้นำอียูและอังกฤษสามารถเจรจาข้อตกลง Brexit กันได้ ขณะที่นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษดูจะกลับเข้าสู่การโหวตในรัฐสภาฯ

ทั้งนี้ นางเมย์ มีความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้รับแรงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาให้ได้เพียงพอต่อข้อตกลง Brexit ของเธอ โดยที่ส่วนใหญ่ดูจะวิจารณ์และมีทีท่าไม่เห็นด้วยกับเธอ ซึ่งบรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติดูจะร่วมโหวตข้อตกลงดังกล่าวในวันที่ 11 ธ.ค.

เศรษฐกิจของอิตาลีีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ตลาดให้ความสำคัญใกล้ชิด หลังจากที่ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอิตาลี กล่าวว่าอาจจะละเมิดต่อนโยบายทางการเงินของอียูจากความกังวลในเรืื่องงบประมาณประจำปี 2019

· ประธานาธิบดีแห่งยูเครนกล่าวเตือนรัสเซีย ระวังจะได้รับบทลงโทษที่รุนแรง หากรัสเซียเข้ารุกรานแผ่นดินยูเครน ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่ตกต่ำจนถึงขีดสุด หลังมีรายงานข่าวรัสเซียได้เข้าโจมตีและยึดเรือรบของยูเครนจำนวน 3 ลำ รวมถึงจับกุมลูกเรือทั้ง 23 ชีวิต

โดยยูเครนได้กล่าวตำหนิการกระทำดังกล่าวของรัสเซียว่าเป็น “การแสดงออกถึงความรุนแรง” ขณะที่รัสเซียก็ได้อ้างว่าเรือรบดังกล่าวได้เคลื่อนลำเข้าน่านน้ำรัสเซีย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อกำหนดในสนธิสัญญาปี 2003 ว่าด้วยสิทธิการเข้าถึงช่องแคบเคียร์ชของทะเลอาซอฟ

· ราคาน้ำมันดิบวันนี้ปรับขึ้นได้ประมาณ 1% ก่อนหน้าประชุมโอเปกสัปดาห์หน้า ซึ่งมีแนวโน้มว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อาจจะตัดสินใจปรับลดภาวะอุปทานน้ำมันเพื่อไม่ให้ล้นตลาด ขณะที่การปิดทำการเพื่อซ่อมบำรุงของแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของอังกฤษอย่าง North Sea ก็ได้ช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นได้

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นมา 55 เซนต์ คิดเป็น +1.1% สู่ระดับ 52.11 เหรียญ/บาร์เรล จากระดับปิดเมื่อวานนี้ (27 พ.ย. 61)

ราคาน้ำมันดิบ Brent ขยับขึ้น 57 เซนต์ คิดเป็น +1% ที่ระดับ 60.78 เหรียญ/บาร์เรล

กลุ่มโอเปกจะเข้าประชุมกันที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรเลียในวันที่ 6 ธ.ค. นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับนโบายการผลิต

· การประชุมโอเปกจะสัมพันธ์ไปกับ G20 ที่จะประกอบไปด้วยประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งประเด็นของ G20 ที่จับตาคือเรื่องข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ ควบคู่กับนโยบายน้ำมันที่ถูกคาดว่าจะหยิบยกมาหารือในที่ประชุมด้วย

บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ถูกคาดว่าจะมีการปรับลดภาวะอุปทานบางส่วนจากการประชุมโอเปก ขณะที่ความเชื่อมั่นในตลาดยังคงเป็นในเชิงลบ

image.png

· นักวิเคราะห์จาก DailyFX ระบุว่า การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบนั้นทำให้เราเห็นการกลับทดสอบแนวต้าน 52.10 - 52.83 เหรียญอีกครั้ง แต่ภาพของราคาน้ำมันดิบอาจกลับเป็นขาลงได้อีกครั้งหากทดสอบแนวรับ 49.16 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมต.ค. 2017 ซึ่งหากหลุดลงมาจะมีเป้าหมายที่เป็นต่ำสุดเดิมเมื่อ 31 ส.ค. ปี 2017 บริเวณ 45.62 เหรียญ/บาร์เรล ในทางกลับกัน หากภาพรายวันราคาน้ำมันดิบยืนเหนือ 52.83 เหรียญ/บาร์เรล ก็มีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้าน 54.48 - 55.21 เหรียญ/บาร์เรลได้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com