• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561

    27 พฤศจิกายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์หลังจากที่ปรับขึ้นไปในช่วงต้นตลาด หลังจากที่ประธานอีซีบี แสดงความเห็นเกี่ยวกับการชะลอตัวในภูมิภาค แต่ถึงแม้จะมีสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจแต่ก็ไม่เพียงพอจะขัดขวางแผนการยุติ QE ของอีซีบีได้

ขณะที่รัฐบาลอิตาลีมีแนวโน้มจะปรับลดเป้างบประมาณขาดดุลปีหน้าให้ต่ำกว่า 2% ของจีดีพี เพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดข้อกำหนดของอียู ทางด้านค่าเงินปอนด์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จากความคืบหน้าเรื่อง Brexit โดยค่าเงินปอนด์ขยับมาที่ 1.2821 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่เช้านี้ยูโรปรับมาที่ 1.1329 ดอลลาร์/ยูโร และดัชนีดอลลาร์เช้านี้อยู่ที่ 97.074 จุด หลังจากที่เคลื่อนไหวต่ำกว่า 96.60 ในสัปดาห์ที่แล้ว

• นายโดนัดล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Jounal โดยระบุว่า อาจทำการขึ้นภาษีนำเข้าไอโฟนและแล็บท็อปส์จากจีนอีก 10% และยังไม่มีแนวโน้มจะเลื่อนการเรียกเก็บภาษีจีนจาก 10% สู่ระดับ 25% ในวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งถ้อยแถลงของเขาเกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะพบกับผู้นำจีนในการประชุม G20 ในอีก 4 วันข้างหน้า

• นายมาริโอ้ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวว่า อีซีบียังคงแผนการยุติการเข้าซื้อ QE ด้วยวงเงิน 2.6 ล้านล้านยูโรในช่วงสิ้นปีนี้ ท่ามกลางการถกเถียงถึงประเด็นเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น จากข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนที่ออกมาน่าผิดหวัง

อย่างไรก็ดี ในรัฐสภายุโรปเมื่อวานนี้ ประธานอีซีบี ยังยืนยันถึงการตัดสินใจที่จะยุติการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเดือนหน้า และข้อมูลของอีซีบียังมีสัญญาณว่าจะเห็นเงินเฟ้อค่อยๆปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พยายามกล่าวปกป้องข้อตกลง Brexit จากเสียงคัดค้านของส.ส. พรรคฝ่ายค้าน และผู้ไม่สนับสนุนแนวคิดของเธอ ในการหารือภายในรัฐสภาอังกฤษเมื่อคืนนี้ พร้อมระบุว่า รัฐสภาฯจะทำการลงมติข้อตกลงดังกล่าวในวันที่ 11 ธ.ค. นี้

อย่างไรก็ตาม นางเมย์ได้ยอมรับว่า เธอเองยังไม่ค่อยพึงพอใจเกี่ยวกับการดำเนินการกับปัญหาชายแดนระหว่างไอร์แลนด์ในข้อตกลงดังกล่าวเสียเท่าไหร่

ขณะที่ทางด้านนายเจเรมี คอบลิน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ได้ระบุว่าข้อตกลงดังกล่าว จะเป็นการทำร้ายประเทศอังกฤษเสียเอง และทางพรรคฝ่ายค้านคงมีทางเลือกไม่มากนัก นอกจากการโหวตปฏิเสธข้อตกลงในการลงมติครั้งต่อไป

• นางเมย์ ได้กล่าวเตือนรัฐสภาว่า หากปฏิเสธข้อตกลง Brexit กับอียู จะทำให้อนาคตของอังกฤษไร้ซึ่งความชัดเจน ท่ามกลางเสียงคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวจากบรรดา ส.ส. ในรัฐสภาที่ส่งสัญญาณจะโหวตปฏิเสธข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า ข้อตกลง Brexit ระหว่างอียูและอังกฤษ ดูจะเป็น “ผลประโยชน์ต่ออียู” เสียมากกว่า เพราะจะเป็นการหยุดไม่ให้อังกฤษสามารถค้าขายกับสหรัฐฯ

คำพูดดังกล่าวของนายทรัมป์ อาจเป็นการกดดันความพยายามผลักดันข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่กำลังเผชิญกับเสียงคัดค้านจากหลายๆฝ่าย ที่ระบุว่าข้อตกลง Brexit กับอียูจะทำให้อังกฤษสูญเสียอิสรภาพในการดำเนินงานหลังถอนตัวออกจากอียู

• รัฐบาลอิตาลีระบุว่า ภาครัฐจะยึดแผนงบประมาณปี 2019 ฉบับเดิมที่มีปัญหากับอียูไปก่อน จนกว่าบทวิเคราะห์งบประมาณอย่างเป็นทางการของภาครัฐจะเสร็จสมบูรณ์ แต่ได้สัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจพิจารณาลดยอดขาดดุลในแผนงบประมาณ

• สำนักข่าว CNBC รายงานว่า นายโรเบิร์ต มูลเลอร์ หัวหน้าทีมสืบสวนพิเศษ ได้ระบุว่านายพอล มานาฟอร์ด อดีตหัวหน้าทีมหาเสียงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้ปากคำอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นการละเมิดข้อต่อรองรับสารภาพของนายพอลที่ให้ไว้กับทีมสืบสวน พร้อมเรียกร้องให้ศาลพิจารณาลงโทษนายพอล โดยที่นายมูลเลอร์ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดกับสำนักข่าว

ทั้งนี้ ทีมสืบสวนพิเศษ นำโดยนายมูลเลอร์ กำลังดำเนินการสืบสวนกรณีการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2016 ที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย ซึ่งทางนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้ให้การปฏิเสธมาโดย ว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นหรือร่วมมือกับรัสเซียเพื่อใส่ร้ายคู่แข่งคนสำคัญอย่างนางฮิลลารี คลินตัน แต่อย่างใด

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ภาพรวมการเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันยังเป็นไปอย่างจำกัดจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก และสัญญาณที่เพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันในตลาดโลก

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.67 เหรียญ คิดเป็น +2.8% ที่ระดับ 60.47 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากร่วงลงไป 6% ในคืนวันศุกร์ ทางด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.21 เหรียญ คิดเป็น +2.4% ที่ระดับ 51.63 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่วันศุกร์ร่วงลงไปกว่า 7.7% และไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต.ค. ปี 2017 ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดบริเวณ 50.15 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ทำระดับต่ำสุดที่ 58.41 เหรียญ/บาร์เรล

• Goldman Sachs เตือนว่า ราคาน้ำมันในระดับ 50 เหรียญ/บาร์เรล จะเป็นการกดดันปริมาณการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ และมีแนวโน้มที่จะสร้างปัญหาให้กับตลาดสินเชื่อ ซึ่งขัดแย้งกับมุมมองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับลดลง พร้อมโน้มน้าวซาอุดิอาระเบียให้ร่วมมือกันกดดันให้ราคาน้ำมันปรับลดลงอีก

อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs ก็คาดการณ์ว่า ซาอุฯและรัสเซียจะสามารถร่วมกันโน้มน้าวให้นายทรัมป์เห็นด้วยกับการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อหนุนราคาน้ำมัน ระหว่างการประชุม G-20 ปลายสัปดาห์นี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com